092-902-6146 , 092-902-6156 ezgoalnew@gmail.com

ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 อาร์เซน่อลเปิดบ้านพ่ายให้กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) ไป 0-1 จากประตูของอุสมาน เดมเบเล่ ในนาทีที่ 4 แม้จะมีเสียงเชียร์จากแฟนบอลเจ้าบ้านที่เอมิเรตส์ สเตเดียม แต่ปืนใหญ่ไม่สามารถเจาะแนวรับของทีมเยือนได้ ส่งผลให้ต้องไปเยือนปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ในนัดที่สองด้วยความกดดัน

เหตุผลที่อาร์เซน่อลพ่ายแพ้ในนัดแรก

1. การเสียประตูเร็ว

การเสียประตูตั้งแต่นาทีที่ 4 จากการประสานงานระหว่างควิชา ควารัตสเคเลีย และอุสมาน เดมเบเล่ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกม เพราะมันไม่เพียงส่งผลต่อสกอร์ แต่ยังบั่นทอนความมั่นใจของแนวรับอาร์เซน่อลอย่างชัดเจน แนวรับที่ขาดความแน่นอนตั้งแต่ต้น ทำให้ทีมเสียสมาธิและต้องไล่ตามเกมทันที ทั้งยังทำให้แผนที่เตรียมมาสำหรับครึ่งแรกพังทลาย นักเตะหลายคนดูเร่งจังหวะจนเสียความนิ่งและความแม่นยำในการเล่น โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่ควารัตสเคเลียโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ อาร์เตต้ายอมรับหลังเกมว่า “ลูกทีมเสียการควบคุมอารมณ์หลังเสียประตูเร็ว และไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันในครึ่งแรก” นี่คือตัวอย่างของการขาดประสบการณ์ในเกมใหญ่ระดับยุโรป

2. ความเฉียบคมในการจบสกอร์

แม้อาร์เซน่อลจะมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง โดยเฉพาะจากกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และเลอันโดร ทรอสซาร์ แต่ทุกจังหวะยังขาดความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย และไม่สามารถผ่านมือของจานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะจังหวะบินปัดลูกยิงปั่นโค้งของทรอสซาร์ในนาทีที่ 63 นอกจากนี้ ประตูของมิเกล เมริโน่ ในนาทีที่ 47 ที่ถูก VAR ยึดคืนเนื่องจากล้ำหน้าเพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลทางจิตวิทยาต่อทีมเจ้าบ้าน และเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ “เกือบ” เปลี่ยนเกมแต่ก็ทำไม่ได้

3. การขาดผู้เล่นหลัก

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเกมของอาร์เซน่อลคือการขาดผู้เล่นตัวหลักหลายราย ซึ่งล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญในแผนการเล่นของมิเกล อาร์เตต้า การไม่มี กาเบรียล มากัลเญส ทำให้แนวรับต้องพึ่งการจับคู่ระหว่างวิลเลียม ซาลิบา และยาคุบ คีวีออร์ ซึ่งยังขาดความเข้าใจในเกมระดับสูง ขณะที่ โธมัส ปาร์เตย์ ผู้เป็นแกนหลักในการเชื่อมเกมจากแดนกลางและช่วยซัพพอร์ตเกมรับก็ไม่สามารถลงเล่นได้ ส่งผลให้แผงมิดฟิลด์ต้องใช้จอร์จินโญ่ซึ่งขาดความเร็วในการปิดเกม นอกจากนี้ การขาด ไค ฮาแวร์ตซ์ และ กาเบรียล เชซุส ยังจำกัดตัวเลือกในเกมรุกของทีม โดยเฉพาะเชซุสที่มีสถิติยิงประตูใน UCL ได้ดี และมักสร้างโอกาสจากความสามารถเฉพาะตัวได้บ่อยครั้ง การไม่มีนักเตะเหล่านี้ ทำให้อาร์เซน่อลเล่นได้ไม่เต็มศักยภาพที่เคยแสดงให้เห็นในรอบก่อนหน้า

4. แผนการเล่นของ PSG

หลุยส์ เอ็นริเก้ วางแท็กติกในเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม PSG ใช้ระบบการเล่นที่เน้นเพรสซิ่งสูงในช่วง 20 นาทีแรก บีบพื้นที่ไม่ให้อาร์เซน่อลตั้งเกมได้จากแนวหลัง ส่งผลให้บอลไปไม่ถึงแดนหน้าอย่างที่ควรจะเป็น เมื่ออาร์เซน่อลเริ่มตั้งเกมได้บ้างในครึ่งหลัง PSG ก็เปลี่ยนมาใช้การตั้งโซนรับลึก (compact shape) และเล่นโต้กลับเร็วผ่านแนวรุกที่เปี่ยมความเร็วอย่างเดมเบเล่, ควารัตสเคเลีย และร็องดัล โคโล มูอานี ที่ทำให้แผงหลังอาร์เซน่อลต้องทำงานหนักตลอดเกม โดยเฉพาะการดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่งที่มักเสียเปรียบในเชิงความเร็วและทักษะส่วนตัว แท็กติกของเอ็นริเก้นั้นยืดหยุ่นและเฉียบคม เห็นได้ชัดว่า PSG เตรียมตัวมาดีทั้งในด้านร่างกายและจิตวิทยา พวกเขารู้ว่าจะต้องเล่นแบบไหนถึงจะหยุดเกมบุกที่อันตรายของอาร์เซน่อลได้

5. บรรยากาศในสนาม

แม้อาร์เซน่อลจะได้เล่นในบ้านที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 60,000 คน แต่การเสียประตูตั้งแต่ต้นเกมส่งผลให้บรรยากาศเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด เวย์น รูนี่ย์ แสดงความคิดเห็นว่า “นี่คือรอบรองฯ UCL คุณต้องมีพลังจากแฟนบอลมากกว่านี้ มันไม่ควรเงียบขนาดนั้น” แม้จะมีช่วงที่แฟนบอลส่งเสียงเชียร์หลังจังหวะ VAR ยึดประตูคืนในต้นครึ่งหลัง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกดดันผู้มาเยือนที่มีประสบการณ์เกมใหญ่ในยุโรปอย่างโชกโชน ความคาดหวังสูงในเกมนี้อาจกลับกลายเป็นแรงกดดันกับผู้เล่นเจ้าถิ่นแทนที่จะเป็นพลังขับเคลื่อน บางคนดูตึงเครียด ขาดความมั่นใจในจังหวะสุดท้าย ซึ่งเป็นปัจจัยทางอ้อมที่มีผลกับผลการแข่งขันไม่น้อย

โอกาสในนัดที่สอง

แม้จะพ่ายในนัดแรก แต่อาร์เซน่อลยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ในนัดที่สองที่จะเล่นที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม กล่าวว่า “เราต้องทำบางสิ่งที่พิเศษในปารีส” ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของทีมอย่างชัดเจน การกลับมาของผู้เล่นหลักอย่างกาเบรียล มากัลเญส และไค ฮาแวร์ตซ์ อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับทีม โดยเฉพาะในจังหวะเกมสวนกลับที่ต้องเฉียบคมกว่าเดิม นอกจากนี้ หากอาร์เตต้าปรับแผนการเล่นจาก 4-3-3 เป็น 4-2-3-1 เพื่อคุมแดนกลางให้แน่นขึ้น อาร์เซน่อลอาจสร้างความประหลาดใจได้ อย่างไรก็ตาม การบุกไปเยือน PSG ซึ่งยังไม่แพ้ในบ้านในรายการนี้ ยังคงเป็นบททดสอบที่หนักหนาสำหรับ “ปืนใหญ่” ที่หวังจะเข้าชิง UCL เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี

ภารกิจพลิกนรกของปืนใหญ่ในปารีส

อาร์เซน่อลต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการกลับเข้าสู่เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากพ่ายในบ้าน 0-1 ให้กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผลการแข่งขันนัดแรกอาจดูเสียเปรียบ แต่ก็ยังไม่ใช่จุดจบ เพราะด้วยกฎประตูทีมเยือนที่ถูกยกเลิกใน UCL ทีมใดชนะในสกอร์รวมก็จะได้เข้าชิงทันที นั่นทำให้เกมที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ คือแมตช์ตัดสินจริง

สิ่งที่อาร์เซน่อลต้องทำคือการปรับปรุงในหลายจุด ทั้งการจบสกอร์ที่ต้องเฉียบคมขึ้น การควบคุมแดนกลางให้แน่น และลดความผิดพลาดในแนวรับ หากมิเกล อาร์เตต้าและลูกทีมสามารถงัดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา พร้อมได้รับแรงหนุนจากผู้เล่นที่หายเจ็บกลับคืนสนาม พวกเขายังมีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์ในกรุงปารีส ความมุ่งมั่น, วินัย และความเยือกเย็นคือกุญแจสำคัญของศึกครั้งนี้ หากอาร์เซน่อลต้องการเปลี่ยนจาก “ความฝัน” สู่ “ความจริง” บนเวทียุโรป พวกเขาจะต้องลงสนามในนัดที่สองด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้