
บทวิเคราะห์การแข่งขัน U19 ทีมชาติไทยถล่มอินโดนีเซีย 6‑1 ในเกมแรกชิงแชมป์อาเซียน ฟุตบอลหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 2025 (9 มิ.ย.) รวมสถิติสำคัญ จังหวะไฮไลต์ และมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมส่องนักเตะดาวเด่นก่อนพบมาเลเซีย
U19 สาวไทย ถล่ม อินโดนีเซีย 6-1
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ที่สนาม District 8 กรุงโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ประเดิมสนามอย่างสวยงามในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2025 (AFF U19 Women’s Championship 2025) ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ไล่ถล่มทีมชาติอินโดนีเซีย U19 ไปแบบขาดลอย 6-1 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B การเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงคุณภาพของผู้เล่นชุดใหม่ของทัพ “ชบาแก้ว U19” เท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณเตือนถึงคู่แข่งร่วมสายและทีมเต็งในรอบถัดไป ว่าทีมชาติไทยมีความพร้อมทั้งในด้านแผนการเล่น ความเร็วของเกม และการจบสกอร์อย่างเฉียบขาด ผลงานในนัดนี้ถูกจับตาอย่างมาก เนื่องจากทีมชาติไทยเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 2 สมัย และกำลังไล่ล่าความสำเร็จสมัยที่ 3 ซึ่งการออกสตาร์ตด้วยชัยชนะที่มีผลต่างประตูได้เสียอย่างถล่มทลาย ย่อมเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อทั้งนักเตะและทีมงานโค้ช โดยเฉพาะ “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และการวางหมากที่ยอดเยี่ยม สมกับการเป็นหนึ่งในโค้ชหญิงระดับแนวหน้าของเอเชีย
การที่ทีมชาติไทยสามารถยิงได้ถึง 6 ประตูจากผู้เล่นหลากหลายตำแหน่ง ตั้งแต่แดนกลาง กองหน้า ไปจนถึงจังหวะเซตพีซในลูกเตะมุม สะท้อนถึงความหลากหลายของเกมรุก และการทำงานเป็นทีมที่ลงตัว จุดนี้เองที่ทำให้ทีมชาติไทยกลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดในกลุ่ม B โดยมีนักเตะดาวรุ่งหลายรายโชว์ฟอร์มโดดเด่น อาทิ กุลิสรา ลิ้มปวะนิช, พัชรากร คูเชื้อ และปรีชากรณ์ เครือชื่นชม ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนเกมทุกครั้งที่ได้บอล ไม่เพียงแค่นั้น บรรยากาศภายในสนามยังเต็มไปด้วยพลังใจจากทีมงานและกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจถึงขอบสนาม แม้จะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชน แต่บรรยากาศการเชียร์และความจริงจังในทุกจังหวะการแข่งขันก็ไม่แพ้ระดับทีมชาติชุดใหญ่ ส่งผลให้ชัยชนะในนัดนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่—การคว้าแชมป์อาเซียนอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลหญิงไทย
รายละเอียดภาพรวมการแข่งขัน
- วันที่แข่งขัน: 9 มิถุนายน 2568
- เวลาเริ่มเกม: 08:00 UTC / 15:00 เวลาท้องถิ่น (ICT)
- สถานที่: สนาม District 8, โฮจิมินห์, เวียดนาม
- รอบ: รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B นัดแรก
ไทยอยู่กลุ่ม B ร่วมกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และกัมพูชา สำคัญคือ ไทยกุมความได้เปรียบอย่างชัดเจนจากประตูที่ยิงถล่มคู่แข่งในนัดปฐมบทนี้
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง (Line‑up)
“โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน เลือกผู้เล่นตัวหลักลงสนามอย่างครบถ้วน ประกอบด้วย:
- ผู้รักษาประตู อาทิมา บุญประกันภัย
- กองหลัง มานิตา น้อยเวช, ภิญญาพัชญ์ กลิ่นคล้าย, ริญญาภัทร์ มูลดง(กัปตันทีม), รสิตา เถาว์เบา
- กองกลาง รัฐวลิน อินทรบำรุง, ปรีชากรณ์ เครือชื่นชม, ปาริชาต ทองรอง
- ตัวรุก กุลิสรา ลิ้มปวะนิช, พัชรากร คูเชื้อ, ณชนก โกศลศักดิ์สกุล
ไฮไลต์เหตุการณ์ประตู
ครึ่งแรก
- นาทีที่ 7 – ไทยได้ประตูแรกจากจังหวะไลอัพตัวรุกขึ้นหน้าของ กุลิสรา ลิ้มปวะนิชที่เปิดบอลให้ รัฐวลิน อินทรบำรุง ล็อกหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเป็น 1‑0
- นาทีที่ 16 – ประตูที่สองเริ่มจากบอลเปิดข้ามฝั่งของ ปรีชากรณ์ เครือชื่นชม ให้ กุลิสรา หลุดเดี่ยวก่อนปั่นประตูอย่างสุดยอด ขยับสกอร์เป็น 2‑0
- นาทีที่ 25 – จากลูกเตะมุม มานิตา น้อยเวช ตามเข้าโฉบเก็บบอลตัดเช็ดก่อนยิงง่ายๆ เป็นประตูที่ 3 ทำให้ไทยนำ 3‑0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เกมครึ่งแรกแสดงให้เห็นว่าทีมไทยมีความแน่วแน่ในการขึ้นบอล และทำประตูอย่างแม่นยำในช่วงแรก
ครึ่งหลัง
- นาทีที่ 65 – พัชรากร หลุดเดี่ยวเปิดบอลให้ ปรีชากรณ์ ยิงด้วยซ้ายโล่งๆ ไม่มีผู้เล่นอินโดฯมาคว้าอยู่ เป็นลูกที่ 4 ให้ไทยนำ 4‑0
- นาทีที่ 70 – จังหวะต่อเนื่องจากบอลโยนข้ามของ มานิตา ตั้งไว้ให้ พัชรากร โหม่งจ่อๆ ตุงตาข่าย นำห่าง 5‑0
- นาทีที่ 77 – กุลิสรา ได้โอกาสหลุดเดี่ยว ยิงแต่ติดบล็อก ก่อนที่ รสิตา เถาว์เบา จะซ้ำเข้าไป เป็นประตูที่ 6 ของไทย
- นาทีที่ 90+6 – อินโดนีเซียมาได้ประตูอย่างหวุดหวิดจากลูกฟรีคิก และเป็น นาซิวา ซัลซาบิลา ฟาตาห์ ยิงประตูตีไข่แตก จบเกมไทยชนะ 6‑1
สังเกตได้ว่า ไทยมีการโยกบอลและเปลี่ยนจังหวะในการทำประตูหลากหลาย โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งในลูกโหม่งและการจบสกอร์จากพื้นที่ใกล้เขตโทษ

สถิติและแนวโน้ม
- สกอร์สุดท้าย: ไทย 6–1 อินโดนีเซีย
- ผลงานล่าสุดตอนเปิดสนาม ได้แก่ มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 4‑0 และในกลุ่ม A เวียดนามชนะเมียนมา 2‑0, ลาวชนะติมอร์‑เลสเต 2‑0
- ไทยรั้งจ่าฝูง กลุ่ม B ในอันดับแรก ส่วน อินโดฯ อยู่ท้ายตาราง
สถิติบ่งชี้ว่า เกมแรกนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งในกลุ่มชัดเจนว่า ทีมชาติไทย U19 พร้อมเป็นเต็งแชมป์
จุดแข็งของทีมไทย
- บอลสวนเร็ว & แผนกดสูง – ครึ่งแรกไทยเล่นเร็ว คอนโทรลในแดนกลาง แล้วเปลี่ยนจังหวะทำประตูทันที
- การเล่นในกรอบเขตโทษ – มีการจบสกอร์จากจังหวะเปิดและลูกโหม่ง รวมถึงการยิงเข้ากรอบในระยะใกล้
- การใช้ตัวรุกหลากหลาย – กุลิสรา, พัชรากร, ปรีชากรณ์ มีบทบาทเชื่อมเกมทั้งเปิดบอลและยิงประตู
- ระบบทีมแน่น – เห็นว่ากองกลาง-กองหลังยังประคองเกม รักษาพื้นที่อย่างมีวินัย ทำให้ไม่มีช่องว่างให้คู่แข่งบุกกลับเร็ว
วิเคราะห์เชิงเทคนิค
- การจัดตัวผู้เล่น: โค้ชหนึ่งเลือกใช้ระบบกองกลางแบบคอนโทรล มีตัวเลือกเชื่อมเกมต่ำ (รัฐวลิน) ขณะที่กองหน้ามีสามคนทำเกมใช้พื้นที่
- แท็คติกการตั้งขึ้นเกม: ไทยเล่นแบบ “Pace & Space” – เร็วและใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาด
- ความเหนียวแน่นแนวรับ: อินโดฯยิงประตูคืนได้แค่จังหวะฟรีคิกช่วงสุดท้ายของเกม
- ส่งสัญญาณถึงคู่แข่ง: ด้วยเกมที่ไหลลื่นและประสิทธิภาพในการจบสกอร์ ดูเหมือนไทยมุ่งชัยในทุกแมตช์ ไม่ปล่อยให้มีโอกาสลุ้นง่าย
แนวโน้มศึกกลุ่ม B และนัดถัดไป
- ไทยจะพบ มาเลเซีย วันที่ 11 มิถุนายน เวลา 15.00 น. ที่สนาม District 8
- มาเลเซียเองชนะ กัมพูชา 4‑0 ในเกมแรก ทำให้ทั้งคู่มีฟอร์มร้อนแรงในกลุ่มเดียวกัน
- หากไทยชนะเกมถัดไปได้ ก็จะกลายเป็นจ่าฝูงกลุ่มด้วยคะแนนเต็ม 6 แต้ม และประตูได้เสียที่ขาดลอย
ทีมไทยจึงมีโอกาสสูงที่จะเข้ารอบรองชนะเลิศ (หนึ่งในสองอันดับแรกของกลุ่ม) โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับผลอื่น
ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจ
ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย U19 แสดงศักยภาพอย่างยิ่งใหญ่ในศึกอาเซียน 2025 โดยเฉพาะนักเตะตัวรุกหน้าใหม่ที่ยิงประตูได้หลายจังหวะ สำคัญตั้งแต่ต้นเกม และกองหลังก็เหนียวแน่น
- “โค้ชหนึ่ง” วางแท็คติกเหมาะสมกับทรัพยากรในมือ ทำให้เกมรุกมีความหลากหลาย
- ดาวเด่น อย่าง กุลิสรา, พัชรากร และ ปรีชากรณ์ มีโมเมนตัมดี และยังสร้างสรรค์ประตูต่อเนื่อง
- ความพร้อมเชิงแผน ชัดเจนในการสู้เกมถัดไป โดยเฉพาะเกมกับมาเลเซีย
- ทิศทางระยะยาว กันต่อรอบรองและรอบชิง ที่ไทยเคยเข้าชิง (2014, 2023) และคว้าแชมป์มาแล้ว (2014, 2023)
บทสรุปหลังเกม ก้าวแรกที่หนักแน่น สู่เส้นทางแชมป์
การประเดิมสนามของทีมชาติไทย U19 ฟุตบอลหญิงในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2025 ด้วยชัยชนะเหนืออินโดนีเซีย 6-1 ถือเป็นการส่งสารสำคัญถึงคู่แข่งทุกชาติ ว่าทัพ “ชบาแก้วจูเนียร์” ชุดนี้ไม่ได้มาเพียงเพื่อแข่งขัน แต่ตั้งเป้ามาเพื่อคว้าแชมป์อย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งทั้งในด้านแท็คติก การเล่นเป็นทีม และการจัดการในพื้นที่สุดท้าย ล้วนเป็นภาพสะท้อนถึงการเตรียมทีมที่ดีตลอดช่วงที่ผ่านมา เกมนี้ยังถือเป็นเวทีแจ้งเกิดของนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันเปล่งประกาย ทั้งในการสร้างสรรค์เกม, ความเร็วในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก และความเฉียบขาดในจังหวะจบสกอร์ ซึ่งหากรักษาฟอร์มเช่นนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง การเดินหน้าเข้าสู่รอบรองฯ และรอบชิงจะเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้
แมตช์ต่อไปกับมาเลเซียในวันที่ 11 มิถุนายน จะเป็นบททดสอบที่ชัดเจนขึ้นในแง่ของแรงกดดัน ความต่อเนื่องของผลงาน และการบริหารพละกำลังของผู้เล่น เพื่อรักษาโมเมนตัมและเพิ่มความมั่นใจต่อการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ให้กับประเทศไทยในทัวร์นาเมนต์นี้