092-902-6146 , 092-902-6156 ezgoalnew@gmail.com

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) คือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมและความสามารถในการบริหารทีม เขานำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ยุคทอง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย และพาทีมคว้า ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 ครั้ง ติดตามเรื่องราวของเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้นในสกอตแลนด์ จนถึงวันที่กลายเป็นตำนานของวงการฟุตบอล

จุดเริ่มต้นของตำนาน

อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Alex Ferguson) เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1941 ในย่าน โกแวน (Govan) เมือง กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ย่านนี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมหนักที่มีชื่อเสียงด้านการต่อเรือ และเป็นชุมชนของชนชั้นแรงงาน ครอบครัวของเฟอร์กูสันก็เป็นหนึ่งในนั้น พ่อของเขาทำงานในอู่ต่อเรือ ส่วนแม่ของเขาดูแลครอบครัวด้วยความเข้มแข็งและเคร่งครัดในระเบียบวินัย เฟอร์กูสันเติบโตมาพร้อมกับความรักในฟุตบอล และเข้าร่วมทีมเยาวชนท้องถิ่นตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่จะได้รับโอกาสเข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพกับ ควีนส์ ปาร์ค (Queen’s Park) ในปี 1957 ขณะอายุเพียง 16 ปี แม้จะลงเล่นในฐานะ กองหน้า และทำประตูได้ถึง 20 ประตูจาก 31 นัด แต่ควีนส์ ปาร์คก็เป็นเพียงทีมระดับล่างที่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก

ต่อมา เขาย้ายไปเล่นให้กับ เซนต์ จอห์นสโตน (St Johnstone) และ ดันเฟิร์มลิน แอธเลติก (Dunfermline Athletic) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงด้วยผลงานการทำประตูที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะกับดันเฟิร์มลินที่เขายิงได้ 66 ประตูจาก 89 นัด นอกจากนี้ เขายังเคยได้รับข้อเสนอจากทีมยักษ์ใหญ่อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในอังกฤษ แต่ดีลล่มลงในนาทีสุดท้าย

ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดในอาชีพนักเตะของเขาคือกับทีมเรนเจอร์ส (Rangers) สโมสรใหญ่ของสกอตแลนด์ เฟอร์กูสันย้ายมาร่วมทีมในปี 1967 ด้วยค่าตัว 65,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น เขาทำประตูสำคัญได้หลายครั้ง แต่ก็มักถูกตำหนิเมื่อทีมพ่ายแพ้ในเกมใหญ่ โดยเฉพาะการแพ้ เซลติก (Celtic) คู่ปรับตลอดกาลในนัดชิงชนะเลิศ สกอตติช คัพ ปี 1969 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเตะ แต่สิ่งที่ทำให้เฟอร์กูสันโดดเด่นคือ ภาวะผู้นำและแนวคิดในการบริหารทีม เขามักจะกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมและแสดงความเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินเส้นทางสู่การเป็นผู้จัดการทีมในเวลาต่อมา

การที่ต้องเผชิญกับความล้มเหลวในช่วงปลายอาชีพนักเตะทำให้เฟอร์กูสันมีบทเรียนอันล้ำค่า เมื่อเขาเริ่มต้นอาชีพโค้ชกับ อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์ (East Stirlingshire) ในปี 1974 และกลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีสไตล์การคุมทีมที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัยสูงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความล้มเหลวในสนามทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนาน “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ผู้ที่จะกลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

ความสำเร็จกับอเบอร์ดีน แชมป์ที่เขย่าวงการฟุตบอลสกอตแลนด์

หลังจากเริ่มต้นอาชีพโค้ชกับ อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์ (East Stirlingshire) และ เซนต์ เมียร์เรน (St Mirren) เฟอร์กูสันได้รับโอกาสครั้งสำคัญกับ อเบอร์ดีน (Aberdeen) ในปี 1978 ผลงานที่ยิ่งใหญ่กับอเบอร์ดีน

  • แชมป์สกอตติชลีก 3 สมัย (1979–80, 1983–84, 1984–85)
  • แชมป์ยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1983 (ชนะเรอัล มาดริด ในรอบชิงฯ)
  • แชมป์สกอตติชคัพ 4 สมัย

เฟอร์กูสันทำในสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยการทำลายความเป็นมหาอำนาจของกลาสโกว์ เซลติก และเรนเจอร์สในวงการฟุตบอลสกอตแลนด์ ความสำเร็จของเขากับอเบอร์ดีนทำให้เขาเป็นที่จับตามองในระดับนานาชาติ

ก้าวขึ้นสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การเริ่มต้นของอาณาจักร

ในปี 1986 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจแต่งตั้ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีม หลังจากที่สโมสรตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ทั้งฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอและปัญหานอกสนามจากนักเตะบางคน ช่วงแรกของเขาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเต็มไปด้วยความกดดันและเสียงวิจารณ์ โดยเฉพาะในปี 1989 ที่ทีมเกือบตกชั้น อย่างไรก็ตาม เฟอร์กูสันไม่ยอมแพ้และยืนหยัดกับแผนการระยะยาวของเขา เขาเริ่มต้นด้วยการสร้าง ระบบเยาวชนใหม่ โดยการปั้นดาวรุ่งอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม และพอล สโคลส์ ควบคู่ไปกับการเสริมผู้เล่นที่มีประสบการณ์เพื่อสร้างสมดุล นอกจากนี้ เฟอร์กูสันยังเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัยในทีมอย่างมาก โดยไม่ลังเลที่จะปล่อยนักเตะที่ไม่เชื่อฟังออกไป การสร้างทีมใหม่จากรากฐานนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำให้เฟอร์กูสันได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้จัดการทีมที่มุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์อันเฉียบแหลม

ความสำเร็จแรกและจุดเริ่มต้นของยุคทอง

ความสำเร็จแรก ของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการคว้า แชมป์เอฟเอ คัพ 1990 หลังจากเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ในรอบชิงชนะเลิศแบบรีเพลย์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เขาได้รับโอกาสสร้างทีมต่อไป ความสำเร็จครั้งนั้นไม่เพียงแค่ช่วยรักษาเก้าอี้ผู้จัดการทีมของเฟอร์กูสัน แต่ยังเป็นการเริ่มต้นของ ยุคทองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะตามมาในไม่ช้า หลังจากนั้น ยูไนเต็ดเดินหน้าคว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1991 และในฤดูกาล 1992-93 พวกเขาสามารถคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปี ได้สำเร็จ โดยมี เอริก คันโตน่า, ไบรอัน ร็อบสัน และสตีฟ บรูซ เป็นกำลังสำคัญ การเสริมทัพด้วยนักเตะคุณภาพและความสามารถในการปลุกขวัญกำลังใจของเฟอร์กูสัน ทำให้ยูไนเต็ดกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งและเริ่มต้นครองความยิ่งใหญ่ในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง

ทีมคลาสออฟ 92 และยุคเรืองรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เฟอร์กูสันมีสายตาเฉียบแหลมในการปั้นดาวรุ่ง เขาสร้าง “Class of 92” ที่ประกอบไปด้วย เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ และนิคกี้ บัตต์ ซึ่งกลายเป็นกำลังหลักของทีม ผลงานสำคัญ

  • พรีเมียร์ลีก 13 สมัย
  • ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย (1999, 2008)
  • เอฟเอ คัพ 5 สมัย
  • ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2008

ทริปเบิลแชมป์ 1999 ปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือฤดูกาล 1998-99 ที่พวกเขาคว้า ทริปเปิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก)

รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1999

  • ยูไนเต็ดตามหลังบาเยิร์น มิวนิค 0-1 จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
  • เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ทำประตูแซงชนะ 2-1
  • เฟอร์กูสันกล่าวประโยคอมตะหลังจบเกม “Football, bloody hell!”

การสร้างทีมใหม่ และความสำเร็จต่อเนื่องจนถึงปี 2013

หลังจากยุคของ รอย คีน, เบ็คแฮม และฟาน นิสเตลรอย เฟอร์กูสันยังคงพัฒนาแมนฯ ยูไนเต็ดให้แข็งแกร่งด้วยนักเตะใหม่ เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และเนมานย่า วิดิช

ความสำเร็จในช่วงท้ายของอาชีพ

  • พรีเมียร์ลีก 2007-08 และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2008
  • แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยสุดท้าย 2012-13 ก่อนเกษียณ

มรดกที่เฟอร์กูสันทิ้งไว้ให้ฟุตบอล

แม้ว่าเขาจะอำลาวงการในปี 2013 แต่แนวทางการบริหารทีมของเขายังคงเป็นต้นแบบให้กับผู้จัดการทีมรุ่นใหม่

จุดเด่นของเฟอร์กูสัน

  • การบริหารทีมระยะยาว
  • การพัฒนาเยาวชน
  • ภาวะผู้นำและการควบคุมห้องแต่งตัว
  • การอ่านเกมและปรับแผนการเล่น

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้จัดการทีมธรรมดา แต่เขาคือ สถาปนิกผู้สร้างอาณาจักรฟุตบอล ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมและการบริหารทีมที่เข้มงวด เขานำพาสโมสรคว้า 49 ถ้วยรางวัล ตลอดระยะเวลา 38 ปีในอาชีพโค้ช รวมถึง พรีเมียร์ลีก 13 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์ของนักเตะเท่านั้น แต่ยังมาจากความสามารถในการปรับแผนการเล่นและการจัดการจิตวิทยาของทีมที่เหนือชั้นของเฟอร์กูสันด้วย

แม้ว่าเขาจะเกษียณไปในปี 2013 แต่ชื่อของ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะหนึ่งใน ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้จัดการทีมรุ่นใหม่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเจอร์เก้น คล็อปป์ ปรัชญาการสร้างทีมด้วยเยาวชนและการยืนหยัดกับแผนการระยะยาวของเขากลายเป็นแบบอย่างที่ถูกนำไปใช้ทั่วโลก สถิติและความสำเร็จของเฟอร์กูสันอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ มรดกทางฟุตบอลและจิตวิญญาณแห่งความไม่ยอมแพ้ ที่เขาทิ้งไว้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและวงการฟุตบอลโดยรวม