092-902-6146 , 092-902-6156 ezgoalnew@gmail.com

ปารากวัยโชว์ฟอร์มแกร่ง เปิดบ้านเอาชนะอุรุกวัย 2-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ทำแต้มแซงขึ้นอันดับ 3 ของตารางแบบสุดมันส์ เกมนี้มาติอัส กาลาร์ซ่า ยิงประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ฮูลิโอ เอ็นซีโซ่ ดาวรุ่งวัย 21 ปี จะมาปิดกล่องจากลูกจุดโทษในช่วงท้าย แม้อุรุกวัยจะครองบอลมากกว่า แต่ปารากวัยแสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แน่นและจังหวะสวนกลับที่เฉียบคม บทความนี้พาคุณเจาะลึกผลงานของเอ็นซีโซ่ วิเคราะห์แท็กติกของกุสตาโว อัลฟาโร่ พร้อมอัปเดตสถานการณ์ลุ้นตั๋วไปเวิลด์คัพของทั้งสองทีมอย่างครบถ้วน

ปารากวัยดับฝันอุรุกวัย ขึ้นที่ 3 คัดบอลโลก 2026

ในค่ำคืนวันที่ 5 มิถุนายน 2025 ที่สนาม Estadio Defensores del Chaco เมืองอาซุนซิออง ทีมชาติปารากวัยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่นกว่า 35,000 คน ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะทีมแกร่งอย่างอุรุกวัยไปได้ 2-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ นัดที่ 15 ซึ่งเป็นแมตช์สำคัญระดับตัดสินชะตาการลุ้นโควตารอบสุดท้าย เนื่องจากก่อนลงสนาม ทั้งสองทีมมีแต้มเท่ากันที่ 21 คะแนนจาก 14 นัด

เกมนี้ถือว่าเป็นแมตช์ที่มีแรงกดดันสูง แต่เป็นฝั่งปารากวัยที่เริ่มต้นได้ดีกว่าอย่างชัดเจน โดยพวกเขาครองจังหวะได้ดีในช่วงต้นเกม ก่อนจะมาได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 13 จากจังหวะวางบอลทะลุช่องเข้าไปให้มาติอัส กาลาร์ซ่า สอดขึ้นมายิงผ่านมือผู้รักษาประตูอย่างแน่นอน ส่งเสียงเฮสนั่นทั่วสนาม

จากนั้น ปารากวัยยังคงรักษาความแน่นอนในเกมรับและเล่นด้วยความอดทน รอจังหวะสวนกลับ ขณะที่อุรุกวัยพยายามเร่งเกมและครองบอลได้มากกว่า แต่กลับไม่สามารถหาจังหวะเข้าทำที่อันตรายได้เลย โดยเฉพาะการขาดหายไปของดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าตัวหลักที่ติดโทษแบน รวมถึงเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่มีปัญหาเรื่องความฟิต ส่งผลให้แนวรุกดูฝืด ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าบ้านได้

ท้ายเกมในนาทีที่ 81 ปารากวัยมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ฮูลิโอ เอ็นซีโซ่ ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ และเจ้าตัวก็ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาด เป็นประตูตอกย้ำชัยชนะให้ทีมกระทิงแดงแห่งอเมริกาใต้เก็บสามแต้มเต็ม พร้อมขยับขึ้นอันดับ 3 ของตาราง มี 24 แต้มจาก 15 นัด เท่ากับเอกวาดอร์แต่เป็นรองผลต่างประตูได้เสีย

ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของปารากวัยในเส้นทางคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 ที่เหลือเพียงอีก 3 นัดสุดท้าย โดยขออีกเพียง 4 แต้มก็แทบการันตีตั๋วรอบสุดท้ายทันที

การแข่งขัน ปารากวัยเฉียบคม อุรุกวัยไร้ทางสู้

ปารากวัยภายใต้การคุมทีมของกุสตาโว อัลฟาโร่ ยังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยม ด้วยการไม่แพ้ใครใน 9 นัดหลังสุด โดยเกมนี้พวกเขาเปิดเกมรุกใส่อุรุกวัยตั้งแต่ต้น และมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากมาติอัส กาลาร์ซ่า ที่โหม่งบอลเข้าไปจากการเปิดของฮูลิโอ เอ็นซีโซ่

แม้รูปเกมโดยรวมอุรุกวัยจะครองบอลได้มากกว่า แต่กลับไม่สามารถหาจังหวะจบที่มีประสิทธิภาพได้เลย การขาดดาร์วิน นูนเญซ ทำให้แดนหน้าขาดความอันตราย และความหลากหลายในเกมรุกหายไปอย่างชัดเจน ขณะที่แนวรับก็มีจังหวะผิดพลาด โดยเฉพาะโรนัลด์ อาเราโฮ ที่พลาดท่าเสียฟาวล์ในเขตโทษให้เอ็นซีโซ่ ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมายิงเข้าไปอย่างเยือกเย็น

ตลอด 90 นาที ปารากวัยแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในแท็กติก การเคลื่อนที่เป็นระบบ และการเล่นเกมสวนกลับที่แม่นยำ ถือเป็นชัยชนะที่สะท้อนถึงวินัยทีมและคุณภาพของนักเตะได้อย่างแท้จริง

ดาวเด่น ฮูลิโอ เอ็นซีโซ่ ว่าที่ซูเปอร์สตาร์

ฮูลิโอ เอ็นซีโซ่ ดาวรุ่งวัย 21 ปีของปารากวัย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนี้ ด้วยการแอสซิสต์ให้มาติอัส กาลาร์ซ่าโหม่งประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 13 ก่อนจะรับหน้าที่สังหารจุดโทษในนาทีที่ 81 อย่างเยือกเย็น กลายเป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับทั้งสองประตูของทีมอย่างเด่นชัด นอกจากตัวเลขแล้ว สิ่งที่สะท้อนถึงคลาสของเอ็นซีโซ่คือการเคลื่อนที่ระหว่างไลน์ การดึงตัวประกบ และการจ่ายบอลทะลุแนวรับที่ทำให้แนวรับของอุรุกวัยปั่นป่วนตลอดทั้งเกม

เอ็นซีโซ่ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับไบรท์ตันในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับความไว้วางใจจากโค้ชอัลฟาโร่ให้เป็นตัวหลักของทีมทั้งที่ยังอายุน้อย และเขาก็ตอบแทนความเชื่อนั้นด้วยผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เกมกับอุรุกวัยเป็นอีกหนึ่งหลักฐานชัดเจนว่า เขาคืออนาคตของวงการฟุตบอลปารากวัย และหากรักษาพัฒนาการเช่นนี้ไว้ได้ เขามีศักยภาพที่จะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของทวีปอเมริกาใต้ในยุคถัดไป

สถิติการแข่งขัน ปารากวัยเฉียบคมกว่า

  • การครองบอล: ปารากวัย 29.1% | อุรุกวัย 70.9%
  • จำนวนยิงทั้งหมด: ปารากวัย 12 ครั้ง | อุรุกวัย 5 ครั้ง
  • ยิงเข้ากรอบ: ปารากวัย 5 ครั้ง | อุรุกวัย 1 ครั้ง
  • เตะมุม: ปารากวัย 5 ครั้ง | อุรุกวัย 7 ครั้ง
  • ใบเหลือง: ปารากวัย 2 ใบ | อุรุกวัย 0 ใบ

แม้อุรุกวัยจะครองบอลได้มากกว่าอย่างล้นหลามถึงเกือบ 71% แต่พวกเขากลับไม่สามารถเปลี่ยนการครองบอลให้กลายเป็นโอกาสจบสกอร์ที่มีประสิทธิภาพได้เลย ยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวจากทั้งหมด 5 ครั้ง ซึ่งสะท้อนปัญหาในแดนหน้าอย่างชัดเจน ในทางกลับกัน ปารากวัยที่เน้นเกมรัดกุมและสวนกลับเร็ว กลับใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่า ยิงเข้ากรอบถึง 5 ครั้งและได้ 2 ประตูเต็ม ๆ ทั้งยังมีระเบียบวินัยในเกมรับที่เหนียวแน่น โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ที่สกัดจังหวะอันตรายได้หลายครั้ง ถือเป็นชัยชนะที่สะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพมากกว่าปริมาณอย่างแท้จริง

ความเห็นจากผู้จัดการทีม อัลฟาโร่พอใจฟอร์มลูกทีม

กุสตาโว อัลฟาโร่ ผู้จัดการทีมชาติปารากวัย ให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังเกมว่า “ผมภูมิใจกับฟอร์มการเล่นของลูกทีม พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นหนึ่งเดียว เรารู้ว่าเกมนี้สำคัญ และพวกเขาก็ทำได้ยอดเยี่ยม ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเกมรุกที่เฉียบคม และเกมรับที่มีวินัย” อัลฟาโร่ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมชุดนี้มีศักยภาพที่จะไปไกล และเขาจะพยายามรักษาความสม่ำเสมอจนกว่าจะคว้าตั๋วสู่ฟุตบอลโลกได้สำเร็จ

ด้านมาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือของอุรุกวัย ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยความจริงใจ “เราขาดผู้เล่นสำคัญหลายคน และนั่นส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเรา ทั้งในแง่การสร้างสรรค์เกมและความเฉียบคมในแดนหน้า อย่างไรก็ตาม เรายังเหลืออีกสามเกม เรายังไม่ยอมแพ้ และจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม”

ปารากวัยจ่อคว้าตั๋วบอลโลก อุรุกวัยต้องลุ้นต่อ

ชัยชนะในเกมนี้ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของปารากวัยในการลุ้นตั๋วสู่ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย โดยพวกเขาเก็บเพิ่มเป็น 24 คะแนนจาก 15 นัด ขยับขึ้นอันดับ 3 ของตารางโซนอเมริกาใต้ ซึ่งตามระบบการแข่งขัน ทีมอันดับ 1-6 จะได้สิทธิ์ไปเล่นรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ขณะที่อันดับ 7 ต้องไปเพลย์ออฟกับทีมจากโซนอื่น การมีแต้มทิ้งห่างอันดับ 7 อย่างเวเนซูเอล่าถึง 9 แต้ม และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัด ทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบของปารากวัยสดใสมาก

ในทางกลับกัน อุรุกวัยที่พลาดท่าพ่ายแพ้ในเกมนี้ ยังคงมี 21 คะแนน อยู่อันดับ 5 แบบไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก และยังต้องเจอศึกหนักในเกมสุดท้ายที่จะพบกับอาร์เจนติน่า ดังนั้น เกมถัดไปที่พวกเขาจะเปิดบ้านพบเวเนซูเอล่าจึงถือเป็นแมตช์ชี้ชะตา หากไม่สามารถคว้าชัยได้ อาจต้องลุ้นเหนื่อยถึงเกมสุดท้าย ขณะที่ปารากวัยจะบุกเยือนบราซิลซึ่งก็ต้องการแต้มเช่นกัน เป็นบททดสอบที่แท้จริงของทั้งสองทีมในการชิงโควตาฟุตบอลโลก