
22 พฤษภาคมนี้ จะรู้ผลยูโรปา ลีก ถ้าโชคร้ายพลาดท่าให้กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส แต่ Rubén Amorim ยังคงได้โอกาสพิสูจน์ฝีมือในฤดูกาลหน้า พร้อมผ่าทัพใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วางเป้าเสริมทีมเพื่อกลับคืนกลุ่มท็อปซิกซ์พรีเมียร์ลีก 2025/26 นี่คือบทวิเคราะห์ 11 ตัวจริงในฝันของปีศาจแดง
Amorim ยังได้โอกาสต่อ สานฝันคืนความยิ่งใหญ่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แม้จะพาทีมจอดป้ายโดยไร้แชมป์ในฤดูกาล 2024/25 ทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูโรปา ลีก แต่ Ruben Amorim กุนซือหนุ่มชาวโปรตุเกสยังคงได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้อยู่คุมทัพต่อในฤดูกาล 2025/26 เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ คือความเชื่อมั่นว่าผู้จัดการทีมรายนี้ยังมีศักยภาพในการพลิกสถานการณ์ หากได้รับเวลาและการสนับสนุนในตลาดนักเตะอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเข้ามามีบทบาทของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ซึ่งมองเห็นการลงทุนเพื่ออนาคต จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข รื้อทีมใหม่ สร้างแกนหลักยุคใหม่ ฤดูกาลที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับกลางตาราง พร้อมปัญหาในหลายตำแหน่ง
- ผู้รักษาประตู: อ็องเดร โอนาน่า ฟอร์มไม่แน่นอน เสียประตูจากความผิดพลาดหลายครั้ง
- กองหลัง: บาดเจ็บรบกวนบ่อย ตัวหลักอายุมากแล้ว
- กองกลาง: ขาดความสมดุล ทั้งในด้านรับและสร้างสรรค์เกม
- กองหน้า: ปัญหาปืนฝืด ราสมุส ฮอยลุนด์ และ โจชัว เซิร์กซี่ ผลงานน่าผิดหวัง
ด้วยเหตุนี้ Amorim จึงเตรียมเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ นี่คือ 11 ตัวจริงที่เขาน่าจะเลือกใช้ หากแผนเสริมทัพประสบความสำเร็จ
วิเคราะห์ 11 ตัวจริง แมนฯ ยูไนเต็ด ในฝันปี 2025/26
ผู้รักษาประตู: ลูคัส เชวาลิเยร์ (Lucas Chevalier)
นายด่านดาวรุ่งวัย 23 ปีจากลีลล์ ถูกวางตัวเป็นอนาคตของตำแหน่งมือหนึ่ง ด้วยความสามารถในการเซฟจังหวะสำคัญ และการใช้เท้าเล่นบอลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าดีลนี้จะมีมูลค่าราว 33.7 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่าหากสามารถทดแทนโอนาน่าได้สำเร็จ
กองหลัง 3 คน:
- เลนี่ โยโร่ (Leny Yoro) กองหลังฝรั่งเศสที่กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของบิ๊กทีมยุโรปด้วยสไตล์การเล่นที่เยือกเย็น มีความเร็ว และอ่านเกมได้ดี โยโร่จะเป็นหัวใจหลักในระบบหลังสามของ Amorim
- มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) แม้จะมีช่วงเวลายากลำบากกับบาเยิร์น แต่การกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับบทบาทใหม่อาจปลุกศักยภาพของเขาอีกครั้ง เขาจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างแนวรับและกลางสนาม ด้วยการจ่ายบอลแม่นยำจากแนวหลัง
- ลิซานโดร มาร์ติเนซ (Lisandro Martinez) การกลับมาจากอาการบาดเจ็บของเขาจะช่วยให้แผงหลังแมนยูมีความดุดันและดุดันมากขึ้น พร้อมสไตล์การเล่นแบบ “ลูกผู้ชาย” ที่แฟนบอลรัก
วิงแบ็กและมิดฟิลด์:
- นุสแซร์ มาซราวี (Noussair Mazraoui) – RWB ตัวเติมเกมรุกฝั่งขวา ที่มีสปีดและความสามารถในเกมบุกและรับอย่างสมดุล อดีตแข้งบาเยิร์นรายนี้อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมในระบบวิงแบ็กขวา
- แพทริค ดอร์กู (Patrick Dorgu) – LWB แข้งดาวรุ่งชาวเดนมาร์กเชื้อสายไนจีเรีย เป็นวิงแบ็กซ้ายที่มีสไตล์การเติมเกมแบบดุดัน และสามารถลงมาช่วยเกมรับได้ดี สร้างความสมดุลให้กับฝั่งซ้ายของทีม
- มานูเอล อูการ์เต้ (Manuel Ugarte) มิดฟิลด์ตัวรับพันธุ์ดุจากอุรุกวัยจะเป็นแกนกลางสำคัญของทีม ช่วยกวาดบอลและเบรกเกมคู่แข่งก่อนที่บอลจะถึงแนวรับ
- อดัม วาร์ตัน (Adam Wharton) ดาวรุ่งอังกฤษวัย 21 ปีจากคริสตัล พาเลซ ที่ฟอร์มโดดเด่นและถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ ด้วยการจ่ายบอลแม่นยำ วิ่งไม่มีหมด และการอ่านเกมที่เกินวัย เขาจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่ลงตัวกับอูการ์เต้
แดนหน้า 3 คน:
- บรูโน่ แฟร์นันด์ส (Bruno Fernandes) กัปตันทีมผู้เป็นศูนย์กลางของการสร้างสรรค์เกมรุก ยังคงเป็นกำลังหลักในการจ่ายบอลคิลเลอร์พาส ยิงฟรีคิก และกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม
- มาเตอุส คุนญ่า (Matheus Cunha) กองหน้าชาวบราซิลจากวูล์ฟส์ ที่แมนยูพร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญา 62.5 ล้านปอนด์ ด้วยความสามารถในการเลี้ยงบอล ยิงคม และเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก เขาจะเพิ่มมิติให้กับเกมรุก
- เลียม ดีแลป (Liam Delap) เจ้าหนูวัย 21 ปีจากอิปสวิชที่เคยอยู่กับแมนฯ ซิตี้ เป็นกองหน้าร่างใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศดี และมีพลังการยิง เหมาะเป็นหัวหอกในระบบ 3 แนวรุกของ Amorim
แผนการเล่น: 3-4-2-1 / 3-4-3 ตามแบบฉบับ Amorim
ระบบหลังสามแบบที่ Ruben Amorim ถนัด ถูกปรับให้เข้ากับทรัพยากรของทีมใหม่ โดยเน้นการครองเกมแดนกลาง วิงแบ็กเติมเกมเร็ว และแนวรุกที่หมุนเวียนตำแหน่งได้
ในระบบ 3-4-2-1 จุดเด่นคือการมีมิดฟิลด์สองคนที่สามารถครองบอลและเชื่อมเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการวางตำแหน่งของบรูโน่ แฟร์นันด์ส และคุนญ่า ซึ่งสามารถถอยลงต่ำเพื่อรับบอลหรือขยับเข้าไปในกรอบเขตโทษในจังหวะเข้าทำ ขณะเดียวกันวิงแบ็กสองฝั่งมีบทบาทสำคัญในการกดดันริมเส้นคู่แข่ง และสร้างความกว้างให้เกมรุก ส่วนในระบบ 3-4-3 จะเน้นการเพรสซิ่งแดนบนให้รวดเร็ว และใช้ความหลากหลายของแนวรุกในการเจาะแนวรับที่ตั้งลึก ความยืดหยุ่นของทั้งสองแผนนี้ทำให้ Amorim สามารถปรับเปลี่ยนได้ระหว่างเกมตามจังหวะการแข่งขัน

ใครบ้างที่อาจต้องย้ายออก
แม้จะมีผู้เล่นหลายคนที่ยังได้รับความไว้วางใจ แต่ก็มีนักเตะจำนวนหนึ่งที่อาจต้องอำลาทีมเพื่อเปิดทางให้กับนักเตะใหม่ รวมถึงลดภาระค่าเหนื่อยของสโมสร รายชื่อที่อาจถูกปล่อยออกมีทั้งนักเตะประสบการณ์สูงที่เริ่มโรยรา และดาวรุ่งที่ยังไม่สามารถโชว์ผลงานให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงได้ ตัวอย่างเช่น อ็องเดร โอนาน่า ที่แม้จะเพิ่งย้ายมาไม่นาน แต่ความผิดพลาดในหลายแมตช์ใหญ่ทำให้อนาคตของเขาไม่แน่นอน ขณะที่ ลินเดอเลิฟ, แม็กไกวร์ และเอริคเซ่น ต่างก็เป็นผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนระยะยาวของ Amorim ส่วนกาเซมีโร่ ที่อายุเข้าเลข 3 ปลาย ๆ ก็อาจย้ายไปค้าแข้งในตะวันออกกลางเพื่อรับสัญญาก้อนโต อีกทั้งดาวรุ่งอย่าง เมนู, ฮอยลุนด์ และเซิร์กซี่ อาจโดนขายเพราะไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างที่สโมสรคาดหวัง รวมถึง การ์นาโช่ ที่แม้จะเป็นที่รักของแฟนบอล แต่สโมสรอาจจำเป็นต้องขายเพื่อระดมทุนในตลาดนักเตะ
- อ็องเดร โอนาน่า
- วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ
- แฮร์รี่ แม็กไกวร์
- คริสเตียน เอริคเซ่น
- กาเซมีโร่
- ค็อบบี้ เมนู
- ราสมุส ฮอยลุนด์
- โจชัว เซิร์กซี่
- อเลฮานโดร การ์นาโช่ (อาจถูกขายเพื่อระดมทุน)
บทพิสูจน์ครั้งสุดท้ายของ Amorim กับปีศาจแดง
ฤดูกาล 2025/26 จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า Ruben Amorim จะสามารถพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายืนหยัดในกลุ่มท็อปซิกซ์ได้หรือไม่ ด้วยขุมกำลังใหม่ที่เน้นดาวรุ่งพุ่งแรง และการจัดทีมตามระบบที่ถนัด ความหวังของแฟนผีจึงอยู่ที่ความกล้าเสี่ยงและวิสัยทัศน์ของกุนซือหนุ่มผู้นี้
นอกจากนี้ การสร้างวัฒนธรรมทีมที่แข็งแกร่งภายใต้แนวทางการเล่นที่ชัดเจน และความสามารถในการจัดการห้องแต่งตัวที่มีทั้งแข้งประสบการณ์และดาวรุ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ Amorim ต้องพิสูจน์ให้เห็น การบริหารนักเตะให้อยู่ในฟอร์มที่สม่ำเสมอและดึงศักยภาพของแต่ละคนออกมาให้เต็มที่ จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในฤดูกาลนี้ หาก Amorim สามารถพาทีมจบอันดับท็อปซิกซ์ได้ตามเป้า เขาอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่วางรากฐานสำคัญให้แมนยูในยุคใหม่
หากเขาทำได้ ผีแดงอาจกลับมามีลุ้น UCL อย่างเต็มตัวในปี 2026/27