
สำรวจเส้นทางอาชีพของฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์วัย 22 ปีของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตั้งแต่การเริ่มต้นในระดับเยาวชนจนถึงการเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ค่าตัวของเขาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
จุดเริ่มต้นของอัจฉริยะลูกหนัง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
ฟลอเรียน ริชาร์ด เวียร์ตซ์ (Florian Richard Wirtz) เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ที่เมืองพุลไฮม์ (Pulheim) ใกล้เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ในครอบครัวที่หลงใหลในฟุตบอลอย่างแท้จริง พ่อของเขา ฮานส์-โยอาคิม เวียร์ตซ์ (Hans-Joachim Wirtz) ไม่เพียงแต่เป็นอดีตนักเตะสมัครเล่น แต่ยังมีบทบาทเป็นผู้บริหารในสมาคมฟุตบอลท้องถิ่น ส่วนแม่ของเขาก็มีบทบาทในชมรมกีฬาเยาวชนของเมือง สิ่งแวดล้อมแบบนี้จึงเอื้อต่อการปลูกฝังความรักในฟุตบอลตั้งแต่วัยเยาว์
เวียร์ตซ์เริ่มต้นฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจังกับสโมสรระดับรากหญ้าอย่าง SV Grün-Weiß Brauweiler ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนักเตะหลายคนในแถบแคว้นนอร์ธไรน์-เว็สท์ฟาเลิน ทักษะของเขาโดดเด่นเกินวัย ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล การอ่านเกม หรือแม้แต่ความเยือกเย็นในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้แมวมองจากสโมสรใหญ่ในภูมิภาคเริ่มจับตามอง
เวียร์ตซ์เริ่มต้นฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจังกับสโมสรระดับรากหญ้าอย่าง SV Grün-Weiß Brauweiler ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนักเตะหลายคนในแถบแคว้นนอร์ธไรน์-เว็สท์ฟาเลิน ทักษะของเขาโดดเด่นเกินวัย ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล การอ่านเกม หรือแม้แต่ความเยือกเย็นในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้แมวมองจากสโมสรใหญ่ในภูมิภาคเริ่มจับตามอง
จากนั้นในเดือนมกราคม 2020 เวียร์ตซ์สร้างความฮือฮาในวงการลูกหนังเยอรมัน เมื่อเขาตัดสินใจย้ายจากโคโลญจน์ไปยัง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งถือเป็นการย้ายทีมระดับเยาวชนที่กล้าหาญและขัดต่อธรรมเนียม เพราะการย้ายระหว่างสองสโมสรใหญ่ในแคว้นเดียวกันโดยเฉพาะในระดับเยาวชนมักถูกจับตามองเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้กลายเป็นก้าวสำคัญของอาชีพค้าแข้ง
ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน หลังฝึกซ้อมร่วมกับทีมเยาวชน U19 ของเลเวอร์คูเซ่น เขาก็ได้รับโอกาสลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่ทันทีจากการชื่นชมของโค้ชปีเตอร์ บอซ (Peter Bosz) และในวันที่ 18 พฤษภาคม 2020 เขาก็ทำลายสถิติเดิมของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในเกมบุนเดสลีกา ด้วยวัยเพียง 17 ปี 15 วัน ในเกมที่พบกับแวร์เดอร์ เบรเมน
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานบทใหม่ ที่ชื่อว่า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
ความสำเร็จกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ตั้งแต่ฤดูกาล 2020/21 เวียร์ตซ์กลายเป็นกำลังสำคัญของเลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาล 2023/24 เวียร์ตซ์ไม่เพียงแค่เป็นผู้ปั้นเกม แต่ยังมีส่วนร่วมโดยตรงกับประตูสำคัญในเกมชี้ชะตาหลายแมตช์ โดยเฉพาะในเกมพบบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเลเวอร์คูเซ่นเปิดบ้านถล่มไปถึง 3-0 เขาได้รับการยกย่องจากสื่อเยอรมันว่าเป็น “มันสมอง” ของทีม และกลายเป็นศูนย์กลางของแผนการเล่นภายใต้การคุมทีมของชาบี อลอนโซ
ฤดูกาลถัดมา (2024/25) แม้จะต้องรับบทบาทหนักขึ้นในการนำทีมลุยทั้งลีกและเวทียุโรป เวียร์ตซ์ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นที่ยอดเยี่ยม ทำไปแล้ว 10 ประตูและ 11 แอสซิสต์จาก 29 นัดในบุนเดสลีกา พร้อมมีค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสต่อเกมถึง 3.1 ครั้ง ถือเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่อันตรายที่สุดของยุโรปในเวลานี้
ผลงานในระดับทีมชาติ
เวียร์ตซ์ถูกจับตามองในฐานะ “อนาคตของทีมชาติเยอรมนี” มาตั้งแต่สมัยเล่นให้ทีม U17 และ U21 ด้วยทักษะการสร้างสรรค์เกมที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้เขาถูกโยกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2021 โดยประเดิมสนามในเกมกระชับมิตรกับลิกเตนสไตน์ และค่อย ๆ ยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในช่วงปีถัดมา
ในศึกยูโร 2024 ที่จัดขึ้นในบ้านเกิด เวียร์ตซ์ได้รับความไว้วางใจจากโค้ชฮันซี่ ฟลิคให้เป็นตัวจริงเกือบทุกนัด เขาแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เล่นที่มีวุฒิภาวะสูง โดยเฉพาะในการประสานงานกับจามาล มูเซียล่า ซึ่งกลายเป็นคู่หูแนวรุกที่ทรงพลังที่สุดของทีมอินทรีเหล็กยุคใหม่
สไตล์การเล่นและจุดเด่น
เวียร์ตซ์มีจุดเด่นในด้านการรับบอลในพื้นที่แคบได้อย่างมั่นใจและสามารถหลุดจากการเพรสซิ่งของคู่แข่งด้วยเทคนิคที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง เขามักใช้การสัมผัสบอลครั้งแรก (first touch) ที่ยอดเยี่ยมเพื่อนำบอลไปในทิศทางได้เปรียบ และมีทักษะการ “turn” หรือหมุนตัวหลบคู่แข่งที่คล่องแคล่ว
อีกหนึ่งจุดแข็งคือ ความเข้าใจเกมและจังหวะ เขารู้ว่าควรเร่งเกมหรือชะลอจังหวะเมื่อใด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในนักเตะวัยเดียวกัน นอกจากนี้ เขายังสามารถเล่นบอลจังหวะเดียวได้แม่นยำ และสามารถเปิดบอลทะลุไลน์แนวรับได้อย่างแม่นยำเสมอ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายทีมใหญ่ในยุโรปจับตามองเขาในฐานะเพลย์เมกเกอร์ระดับโลกในอนาคต

การฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ
อาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้าย (ACL) ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 เป็นหนึ่งในบททดสอบสำคัญของเวียร์ตซ์ เขาต้องพักยาวเกือบ 9 เดือน และพลาดการมีส่วนร่วมกับทีมชาติเยอรมันในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาฟื้นฟู เขาแสดงให้เห็นถึงวินัยและความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า โดยทีมแพทย์ของเลเวอร์คูเซ่นยกย่องว่าเขาเป็น “นักกายภาพในสนาม” เพราะให้ความร่วมมือทุกรายละเอียดของโปรแกรมฟื้นฟูร่างกาย
เมื่อกลับมาในช่วงต้นปี 2023 เวียร์ตซ์ไม่เพียงฟื้นตัวสมบูรณ์ แต่ยังแสดงฟอร์มที่เหนือกว่าก่อนบาดเจ็บ เขากลายเป็นกำลังหลักที่พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ในฤดูกาลถัดมา แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าทึ่งและจิตใจที่แข็งแกร่งของเขาอย่างแท้จริง
การเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาด
มูลค่าตลาดของเวียร์ตซ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนธันวาคม 2024 เขามีมูลค่าสูงถึง 140 ล้านยูโร ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดในบุนเดสลีกา ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้แก่
- ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม: เวียร์ตซ์มีสถิติการทำประตูและแอสซิสต์ที่โดดเด่นในทุกฤดูกาล
- ความสามารถในการเล่นหลายตำแหน่ง: เขาสามารถปรับตัวและเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรุก
- อายุที่ยังน้อย: ด้วยวัยเพียง 22 ปี เขายังมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก
- ความสนใจจากสโมสรใหญ่: สโมสรชั้นนำอย่างบาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเรอัล มาดริด ต่างแสดงความสนใจในตัวเขา
นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวมาแล้ว มูลค่าตลาดของเวียร์ตซ์ยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์ในฐานะ “นักเตะแบบครบเครื่อง” ซึ่งหาได้ยากในยุคปัจจุบัน เขาไม่เพียงโดดเด่นในสนามเท่านั้น แต่ยังมีบุคลิกที่สุขุม ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวฉาว และแสดงความเป็นมืออาชีพเต็มเปี่ยม ทั้งหมดนี้ส่งผลให้บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่มั่นใจว่าเขาเหมาะกับการเป็นหัวใจของทีมในระยะยาว
ขณะเดียวกัน การคว้าดับเบิลแชมป์กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นก็ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการสร้างความสำเร็จร่วมกับทีม ทำให้ Transfermarkt ประเมินมูลค่าของเขาพุ่งสูงถึง 140 ล้านยูโร ภายในสิ้นปี 2024 กลายเป็นนักเตะมูลค่าสูงสุดในบุนเดสลีกา และติดท็อป 5 ของยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกหากเขาย้ายทีมในอนาคตอันใกล้
อนาคตและความเป็นไปได้ในการย้ายทีม
แม้ว่าเวียร์ตซ์จะมีสัญญากับเลเวอร์คูเซ่นจนถึงปี 2027 แต่ความสนใจจากสโมสรใหญ่ทำให้เกิดกระแสข่าวการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง บาเยิร์น มิวนิคแสดงความสนใจอย่างจริงจังและพร้อมที่จะทำลายสถิติค่าตัวของสโมสรเพื่อคว้าตัวเขา อย่างไรก็ตาม เลเวอร์คูเซ่นยังคงยืนยันที่จะรั้งตัวเขาไว้ และเวียร์ตซ์เองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขา
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์เป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป ด้วยความสามารถที่หลากหลาย ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และศักยภาพในการพัฒนาอีกมากมาย เขาไม่เพียงแต่เป็นกำลังสำคัญของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นและทีมชาติเยอรมนี แต่ยังเป็นเป้าหมายของสโมสรชั้นนำทั่วโลก อนาคตของเวียร์ตซ์ยังคงเปิดกว้าง และไม่ว่าจะอยู่กับเลเวอร์คูเซ่นต่อไปหรือย้ายไปสโมสรอื่น เขาก็ยังคงเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ทั่วโลก
ด้วยวัยเพียง 22 ปี เวียร์ตซ์มีเวลาอีกยาวไกลในการกำหนดเส้นทางอาชีพของเขา ไม่ว่าจะเลือกสร้างตำนานกับเลเวอร์คูเซ่นหรือย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่ที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ยุโรปเป็นประจำ เช่น เรอัล มาดริด หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สื่อเยอรมันรายงานว่าเขายังให้ความสำคัญกับ “แผนพัฒนาส่วนบุคคลและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม” มากกว่าค่าตัวมหาศาลหรือชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แฟนบอลเลเวอร์คูเซ่นต่างภาวนาให้เขาอยู่กับทีมต่อไปอีกหลายฤดูกาล เพราะเวียร์ตซ์คือสัญลักษณ์ของยุคทองใหม่ และหากวันหนึ่งเขาย้ายออกจริง ก็จะกลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังอย่างไม่ต้องสงสัย