
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ คองอัน ฮานอย เอฟซี จากเวียดนามในการดวลจุดโทษสุดระทึก 3-2 หลังเสมอกัน 5-5 รวมสองนัด ผงาดคว้าแชมป์ Shopee Cup 2024/25 สมัยแรก พร้อมบทวิเคราะห์เจาะลึกแท็คติก นักเตะ และเบื้องหลังความสำเร็จของ “ปราสาทสายฟ้า” อย่างละเอียด
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ Shopee Cup 2024/25
การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาของฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียนในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Shopee Cup ได้กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ได้รับการจับตามองจากทั้งภูมิภาคอาเซียน ด้วยรูปแบบการแข่งขันที่คัดเลือกทีมแชมป์จากลีกภายในแต่ละประเทศ ซึ่งนอกจากศักดิ์ศรีแล้ว ยังมีเงินรางวัลและการโปรโมตระดับนานาชาติเป็นแรงจูงใจให้สโมสรต่าง ๆ ส่งทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าร่วม
การที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ เป็นผลจากฟอร์มอันสม่ำเสมอตลอดทัวร์นาเมนต์ พวกเขาเอาชนะคู่แข่งจากอินโดนีเซียและมาเลเซียในรอบก่อนหน้า และแม้ต้องเจอกับคองอัน ฮานอย ที่มีประสบการณ์และนักเตะต่างชาติฝีเท้าจัดจ้าน แต่ปราสาทสายฟ้าก็แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่มีระบบ มีวินัย และไม่ยอมแพ้จนสามารถกลับมาได้ในเกมที่สอง
คองอัน ฮานอย เองก็ถือเป็นทีมที่แกร่งมากในรายการนี้ โดยเฉพาะนักเตะอย่างลีโอ อาร์ตูร์, เจสัน เพนเดนท์ และเหงียน กวง ไฮ ต่างก็มีประสบการณ์ในระดับทวีป การที่บุรีรัมย์สามารถต่อกรและเอาชนะได้ผ่านการดวลจุดโทษในบ้านของตัวเอง ถือเป็นการพิสูจน์ว่าไทยลีกไม่ได้เป็นเพียงลีกที่แข็งแกร่งในประเทศ แต่สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและกำลังมุ่งหน้าสู่เอเชีย
ผลการแข่งขัน:
- เลกแรก: คองอัน ฮานอย 2-2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (14 พ.ค. 2025 ที่ฮัง เดย์ สเตเดียม)
- เลกสอง: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-3 คองอัน ฮานอย (21 พ.ค. 2025 ที่บุรีรัมย์ สเตเดียม)
ผลรวมสองนัด:
เสมอ 5-5 ดวลจุดโทษ: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ 3-2 คว้าแชมป์ Shopee Cup สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมรับเงินรางวัล 500,000 USD
ลำดับเหตุการณ์สำคัญของเกมนัดชิงเลกสอง
เกมเริ่มต้นอย่างเข้มข้น โดยคองอัน ฮานอย ขึ้นนำก่อน 2-0 จาก เจสัน เพนเดนท์ (น.15) และลูกจุดโทษของ ลีโอ อาร์ตูร์ (น.39) ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ VAR ตัดสินชี้ว่า ปีเตอร์ ซูลจ์ ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ทำให้แฟนบอลในสนามบุรีรัมย์ สเตเดียมถึงกับเงียบกริบ
อย่างไรก็ตาม บุรีรัมย์ ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขาเริ่มเร่งเกมในช่วงครึ่งหลัง และตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 83 จากจังหวะยิงซ้ำของปีเตอร์ ซูลจ์ และได้ประตูตีเสมอสุดดราม่าในนาทีที่ 90+8 จากลูกฟรีคิกสุดเฉียบของลูคัส คริสปิม ที่ยิงทะลุกำแพงเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ในช่วงต่อเวลา บุรีรัมย์แซงขึ้นนำ 3-2 จากจุดโทษของกิลเยร์เม บิสโซลี ในนาทีที่ 105 ก่อนที่คองอัน ฮานอย จะไม่ยอมแพ้ และตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 118 จากลูกโหม่งของอเล็กซานเดร เซบาสเตียโอ้ ทำให้ต้องดวลจุดโทษตัดสินแชมป์
ช่วงดวลจุดโทษ:
- บุรีรัมย์ ยิงเข้า: ปีเตอร์ ซูลจ์, ลูคัส คริสปิม, พิธิวัตต์
- คองอัน ยิงเข้าเพียง 2 จาก 5 คน โดย ฉัตรชัย บุตรพรม เซฟจุดโทษสำคัญได้
ผู้เล่นคนสำคัญและรางวัลส่วนตัว
- ลูคัส คริสปิม: MVP ของทัวร์นาเมนต์, ดาวซัลโวร่วม (5 ประตู)
- ลีโอ อาร์ตูร์ (คองอัน): ดาวซัลโวร่วมกับคริสปิม
- ฉัตรชัย บุตรพรม: ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมจากการเซฟจุดโทษ และการอ่านเกมในช่วงต่อเวลาได้ยอดเยี่ยม

แท็คติกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในเกมนัดชิง
บุรีรัมย์เลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 ปรับแท็คติกแบบยืดหยุ่นตลอดเกม โดยอาศัยความเร็วของปีก การครองบอลแดนกลางด้วยคริสปิมและธีราทร และการขึ้นเกมจากแนวลึกโดยบิสโซลีและโบอาเคีย
การเปลี่ยนตัวที่สำคัญคือการส่งพิธิวัตต์ลงมาสร้างสมดุลแดนกลาง และรัตนากรที่ลงมาแพ็คเกมรุกช่วงท้าย ด้านเกมรับ เคนเน็ต ดูกอล กับ พรรษา เหมวิบูลย์ แสดงความแข็งแกร่งทั้งลูกกลางอากาศและการดวลตัวต่อตัว
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
- บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: ฉัตรชัย, ดิออน คูลส์, เคนเน็ต ดูกอล (C), พรรษา, ศศลักษณ์, คริสปิม, ธีราทร (พิธิวัตต์), ซูลจ์, ศุภชัย, บิสโซลี (รัตนากร), โบอาเคีย
- คองอัน ฮานอย: เหงียน ฟิลิป, ตรัน ดินห์ ตุง, ฮูโก โกเมส, เวียต บุย ฮวง, เจสัน เพนเดนท์, ลี ปัน เทียน ลอง, วิตอร์ โรซ่า, ลี วาน โด, เหงียน กวง ไฮ (C), ลีโอ อาร์ตูร์, เซบาสเตียโอ้
สรุปความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของ “ปราสาทสายฟ้า”
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่เพียงคว้าแชมป์ Shopee Cup สมัยแรก แต่ยังแสดงถึงพัฒนาการเชิงแท็คติก ความมุ่งมั่นของนักเตะ การวางหมากอย่างแม่นยำของทีมงาน และความเชื่อมั่นของแฟนบอล ชัยชนะครั้งนี้ตอกย้ำถึงความพร้อมของสโมสรไทยในการก้าวสู่ระดับอาเซียนและเอเชียในอนาคตอันใกล้ ชัยชนะครั้งนี้ยังมีความหมายในเชิงจิตวิทยาและความภาคภูมิใจระดับชาติ เพราะเป็นการพิสูจน์ว่า ทีมจากไทยลีกสามารถต่อกรกับสโมสรชั้นนำจากอาเซียนได้อย่างสูสี และเหนือกว่าภายใต้แรงกดดันที่สูงที่สุด การดวลจุดโทษในบรรยากาศสุดกดดันนั้นไม่เพียงต้องอาศัยฝีมือ แต่ยังต้องอาศัยความมั่นคงทางจิตใจ ซึ่งนักเตะของบุรีรัมย์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมรับความกดดันในระดับสูง
อีกทั้ง การคว้ารางวัลส่วนตัวของนักเตะบุรีรัมย์ เช่น MVP, ดาวซัลโว และผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม สะท้อนถึงโครงสร้างทีมที่ครบเครื่อง มีทั้งนักเตะท้องถิ่นและต่างชาติที่เข้ากันได้ดี แสดงถึงความสามารถในการวางแผนระยะยาวของผู้บริหารสโมสร และเส้นทางนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในเวทีระดับเอเชียที่ใหญ่กว่าเดิมในอนาคต