092-902-6146 , 092-902-6156 ezgoalnew@gmail.com

สรุปความสำเร็จของสโมสรที่มีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ปีก ในฤดูกาล 2024/25 วงการฟุตบอลอังกฤษได้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อสโมสรที่มีสัญลักษณ์เป็นสัตว์ปีกต่างประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการสำคัญ ได้แก่ ลิเวอร์พูล (หงส์แดง) คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (สาลิกาดง) คว้าแชมป์คาราบาวคัพ, คริสตัล พาเลซ (ดิอีเกิ้ลส์) คว้าแชมป์เอฟเอคัพ, ลีดส์ ยูไนเต็ด (ยูงทอง) คว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (ไก่เดือยทอง) คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก

ปีของสัตว์ปีก พลิกประวัติศาสตร์วงการลูกหนังอังกฤษ

ฤดูกาล 2024/25 ของฟุตบอลอังกฤษถือเป็นอีกหนึ่งบทพิเศษในประวัติศาสตร์ที่ทั้งน่าประหลาดใจและน่าจดจำ เมื่อทีมที่มีสัญลักษณ์เป็น “สัตว์ปีก” ทั้งห้าแห่งเกาะอังกฤษ ต่างผงาดคว้าแชมป์ในรายการใหญ่ได้พร้อมกันราวกับนัดหมายไว้ล่วงหน้า สร้างภาพจำที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั่วโลก เริ่มจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นสมัยที่ 20 ได้สำเร็จ ภายใต้การนำของกุนซือใหม่อย่าง อาร์เน่ สล็อต ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งและสามารถปรับโฉมทีมให้กลับมาทวงบัลลังก์ได้ทันที ในขณะที่ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ด้วยการคว้าแชมป์ คาราบาวคัพ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 70 ปี ด้าน “ดิอีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ กลายเป็นม้ามืดที่พลิกล็อกเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ไปครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย ส่วน “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งหล่นจากพรีเมียร์ลีกเมื่อสองปีก่อน ก็กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการครองแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยแต้มทะลุ 100 และสุดท้ายคือ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ปลดล็อกความสำเร็จระดับยุโรป ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ในยุคของ อังเก้ ปอสเตโคกลู

ไม่ใช่เพียงชัยชนะในสนามเท่านั้นที่ทำให้ฤดูกาลนี้น่าจดจำ แต่มันยังสะท้อนถึงองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนของผู้จัดการทีม โครงสร้างทีมที่ชัดเจน รวมถึงพัฒนาการของนักเตะที่สามารถยกระดับฟอร์มของตัวเองได้ตลอดทั้งซีซั่น บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกความสำเร็จของทั้ง 5 สโมสร ผ่านแง่มุมที่ไม่ธรรมดา ทั้งแท็คติก นักเตะ ระบบการเล่น และความพิเศษของ “ปีแห่งสัตว์ปีก” ที่โลกฟุตบอลจะไม่มีวันลืม

หงส์แดง ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25

ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของ อาร์เน่ สล็อต (Arne Slot) กุนซือชาวดัตช์ที่เข้ามาสืบทอดภารกิจต่อจากเจอร์เก้น คล็อปป์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “การเปลี่ยนแปลง” ไม่ได้หมายถึง “การถอยหลัง” แต่คือจุดเริ่มของสิ่งใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขาปรับระบบจากเกเก้นเพรสซิ่งที่เน้นพลังงานสูง มาเป็นบอลที่สมดุลขึ้น เน้นการครองบอล, สลับเกมเร็ว, และการบุกหลากหลายมากกว่าเดิม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงเป็นแกนหลักในแนวรุก โดยทำไป 29 ประตูและ 18 แอสซิสต์ในลีก ขณะที่ โดมินิค โซบอสซ์ไล และ อาเลกซิส แมกอัลลิสเตอร์ คือแรงสนับสนุนสำคัญในแดนกลาง ระบบ 4-2-3-1 ของสล็อตเปิดพื้นที่ให้แบ็กขวาอย่าง คอเนอร์ แบรดลีย์ สอดแทรกขึ้นเกมรุกอย่างมั่นใจแทนที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกมรับก็มั่นคงยิ่งขึ้นด้วยฟอร์มยอดเยี่ยมของ อิบราฮิมา โกนาเต้ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ยืนคุมแดนหลังได้อย่างนิ่ง และ อลีสซง เบ็คเกอร์ ก็ยังคงเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกที่เซฟแต้มให้ทีมหลายครั้ง ลิเวอร์พูลปิดฤดูกาลด้วย 84 คะแนน คว้าแชมป์แบบทิ้งห่างอันดับสองอย่างอาร์เซน่อล ถึง 10 คะแนน

สาลิกาดง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แชมป์คาราบาวคัพ 2024/25

ชัยชนะของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เหนือลิเวอร์พูล 2-1 ในนัดชิงคาราบาวคัพ ณ สนามเวมบลีย์ ไม่ใช่เพียงการคว้าแชมป์ แต่คือการปลดล็อกประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 70 ปีที่ทีมไม่ได้สัมผัสโทรฟี่ระดับเมเจอร์ นี่คือบทพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่สร้างทีมนักสู้ที่มีความมุ่งมั่นและสมดุลในทุกมิติ ฮาววางหมากในระบบ 4-3-3 ที่เน้นความแน่นหนาในแดนกลาง พร้อมใช้ความเร็วจากปีกขวาอย่าง มิเกล อัลมิรอน และความคมของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ซึ่งเป็นผู้ทำประตูชัยในเกมนัดชิง โดยมี บรูโน่ กิมาไรส์ เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมจังหวะเกม และ คีแรน ทริปเปียร์ เป็นผู้นำแนวรับและวางบอลแม่นยำ ทีมมีวินัยทางแท็คติกสูง เพรสซิ่งหนักเมื่อเสียบอล และเปลี่ยนเกมรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว ความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในเกมใหญ่ทำให้พวกเขาเอาชนะลิเวอร์พูลที่มีดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีเดียวกันได้อย่างสมศักดิ์ศรี พร้อมส่งสัญญาณว่า “สาลิกาดง” พร้อมท้าทายความยิ่งใหญ่ในทุกถ้วยที่พวกเขาเข้าแข่งขัน

ดิอีเกิ้ลส์ คริสตัล พาเลซ แชมป์เอฟเอคัพ 2024/25

คริสตัล พาเลซ สร้างหนึ่งในเทพนิยายแห่งฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังเฉือนชนะทีมแกร่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในนัดชิงที่เวมบลีย์ ท่ามกลางแฟนบอลที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา ประตูชัยมาจากลูกยิงไกลสุดสวยของ เอเบเรชี่ เอเซ่ (Eberechi Eze) ในนาทีที่ 68 ที่โค้งเสียบเสาเข้าไปอย่างหมดจด ภายใต้การคุมทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรียที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อกลางฤดูกาล พาเลซพัฒนาอย่างชัดเจนจากทีมหนีตกชั้นสู่ทีมที่มีระบบเกมรับเหนียวแน่นและสวนกลับอันตราย ด้วยแผน 3-4-2-1 ที่มีวิงแบ็กเติมเกมเร็ว และตัวรุกอย่าง เอเบเรชี เอเซ และ ฌอง ฟิลิป มาเตต้า คอยจู่โจมแนวรับคู่แข่ง ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเอาชนะแชมป์เก่า แต่คือการประกาศศักดาว่า “ดิอีเกิ้ลส์” พร้อมโบยบินสูงกว่าเดิมในเวทียุโรป ซึ่งจะเป็นรางวัลที่ตามมาจากการคว้าเอฟเอคัพ พร้อมตั๋วลุยยูโรปาลีกฤดูกาลหน้าอย่างภาคภูมิ

ยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์แชมเปี้ยนชิพ 2024/25

หลังจากหล่นชั้นจากพรีเมียร์ลีกเมื่อสองปีก่อน ลีดส์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ดาเนียล ฟาร์เค (Daniel Farke) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเป็นมืออาชีพในระดับสูง ด้วยการคว้าแชมป์ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ อย่างยิ่งใหญ่ จบฤดูกาลด้วย 100 คะแนน ยิงได้มากกว่า 95 ประตู และแพ้เพียง 4 นัดตลอดฤดูกาล ฟาร์เคซึ่งเคยพานอริช ซิตี้เลื่อนชั้นมาแล้วถึงสองครั้ง นำแนวทางฟุตบอลที่เน้นการครองบอลและเพรสซิ่งสูงกลับมาใช้อย่างได้ผล โดยมิดฟิลด์อย่าง เบรนเดน แอรอนสัน และ มานอร์ โซโลมอน ทำหน้าที่เชื่อมเกมได้อย่างลงตัว ขณะที่แนวรุกนำโดย โจ เกล ปิรู และ วิลฟรีด กนอนโต้ ที่มีทั้งความเร็วและจบสกอร์เฉียบคม เกมเหย้าที่เอลแลนด์ โร้ดยังคงเป็นป้อมปราการที่คู่แข่งหวั่นเกรง ด้วยพลังเชียร์จากแฟนบอลยูงทองที่ไม่เคยแผ่วตลอดฤดูกาล การกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าไม่ใช่เพียงเป้าหมายของการเลื่อนชั้นเท่านั้น แต่คือจุดเริ่มของการสร้างทีมรุ่นใหม่ที่มั่นคง และมีเป้าหมายมากกว่าการอยู่รอด

ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์แชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2024/25

ชัยชนะของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรปาลีก ณ สนาม ซาน มาเมส ประเทศสเปน ถือเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปรายการใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังจากผิดหวังในรอบชิงหลายครั้งก่อนหน้านี้ และเป็นการตอกย้ำผลงานอันยอดเยี่ยมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู (Ange Postecoglou) ที่เข้ามาปรับโฉมทีมใหม่หมด ท็อตแน่มมาในแผน 4-2-3-1 ที่มีจังหวะต่อบอลเร็วและเน้นการเข้าทำที่เฉียบคม เจมส์ แมดดิสัน รับบทจอมทัพคอยสร้างสรรค์เกมรุก ขณะที่ประตูชัยในนัดชิงมาจากลูกยิงสุดคมของ ซน ฮึง-มิน ซึ่งรับหน้าที่เป็นกัปตันทีมและหัวใจของแนวรุกตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แนวรับของสเปอร์สในปีนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยฟอร์มเหนียวแน่นของ มิกกี้ ฟาน เดอ เฟน และ คริสเตียน โรเมโร่ ที่คุมเกมหลังบ้านได้อย่างมั่นใจ รวมถึง จิออจิออส เวลตส์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่โชว์ซูเปอร์เซฟในนัดชิงหลายจังหวะสำคัญ ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงปลดล็อกคำสาป “ไร้แชมป์” ที่ติดตัวมานานหลายปี แต่ยังปลุกพลังศรัทธาของแฟนไก่เดือยทองทั่วโลก ว่าทีมนี้สามารถลุ้นความสำเร็จระดับสูงได้จริงในยุคของปอสเตโคกลู

บินสูงในปีแห่งสัตว์ปีก สรุปความสำเร็จที่โลกต้องจารึก

ฤดูกาล 2024/25 จะถูกจดจำในฐานะ “ปีแห่งสัตว์ปีก” ที่สโมสรชื่อดังของอังกฤษที่มีสัญลักษณ์เป็นนกหรือสัตว์ปีกสามารถโบยบินสู่ความสำเร็จได้อย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น หงส์แดง, สาลิกาดง, อินทรี, ยูงทอง หรือแม้แต่ ไก่เดือยทอง ต่างคว้าแชมป์ในรายการสำคัญของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง เสมือนเป็นการ “บินผงาดเหนือเมฆ” พร้อมกันในปีเดียว ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนอย่างมีทิศทาง การบริหารทีมที่เฉียบคม และการผสมผสานนักเตะเก่า-ใหม่อย่างลงตัว ผู้จัดการทีมทั้ง 5 คน ต่างมีเอกลักษณ์ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแผนการเล่น, การจัดการในห้องแต่งตัว หรือการปลุกใจในเกมใหญ่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ทีมเหล่านี้ก้าวข้ามอุปสรรคได้สำเร็จ

ที่น่าสนใจคือ ความสำเร็จของแต่ละทีมยังนำพาไปสู่ผลลัพธ์ที่มากกว่าแค่ “ถ้วยรางวัล” เช่น การคืนศรัทธาของแฟนบอล, รายได้จากเวทียุโรป หรือการยกระดับแบรนด์ของสโมสรในระดับโลก ปีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ปีที่ “นก” คว้าแชมป์ แต่คือปีที่ฟุตบอลอังกฤษเปิดพื้นที่ให้กับความหลากหลายทั้งเชิงแท็คติก แผนระยะยาว และแรงบันดาลใจจากการไม่ยอมแพ้ของทีมที่เคยถูกมองข้าม