
บาเยิร์น มิวนิค สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในศึก FIFA Club World Cup 2025 ด้วยชัยชนะที่ถล่มทลาย 10-0 เหนือ Auckland City ทีมกึ่งอาชีพจากนิวซีแลนด์ ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงเป็นสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการ แต่ยังตอกย้ำศักยภาพของทีมแชมป์ยุโรปอย่างเต็มรูปแบบ บทความนี้เจาะลึกทุกมุมมอง ตั้งแต่สถิติที่ถูกทำลาย ผู้เล่นที่โดดเด่นอย่าง Jamal Musiala และ Thomas Müller แผนการเล่นของโค้ช Vincent Kompany รวมถึงผลกระทบต่อทั้งสองทีม และภาพรวมของทัวร์นาเมนต์ในปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่ระบบ 32 ทีมเต็มรูปแบบ
ศึกฟุตบอลสโมสรโลก 2025 เกมประวัติศาสตร์ของบาเยิร์น
ศึก FIFA Club World Cup 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการลูกหนังโลก เพราะนี่คือครั้งแรกที่การแข่งขันรายการนี้ถูกยกระดับสู่ รูปแบบใหม่ ด้วยการเพิ่มจำนวนทีมจาก 7 ทีม (ในระบบเดิม) มาเป็น 32 ทีมเต็มรูปแบบ คล้ายกับฟุตบอลโลกของทีมชาติ โดยจัดแข่งทุก 4 ปี และในปี 2025 นี้ สหรัฐอเมริกาได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพ พร้อมสนามแข่งขันกระจายตามเมืองสำคัญทั่วประเทศ
หนึ่งในทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี เจ้าของแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2024–25 ที่คว้าตั๋วเข้าสู่รายการนี้ในฐานะตัวแทนจากโซนยุโรป (UEFA) และด้วยการเสริมทัพอย่างหนัก ผนวกกับการแต่งตั้ง แวงซองต์ กอมปานี เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ ความคาดหวังจึงสูงลิ่ว พวกเขาอยู่ใน กลุ่ม C ร่วมกับทีมจากสามทวีป ได้แก่
- Auckland City (นิวซีแลนด์ / OFC Champion)
- Benfica (โปรตุเกส / UEFA No.2)
- Boca Juniors (อาร์เจนตินา / CONMEBOL Champion)
แม้จะมีทีมแกร่งอย่างเบนฟิก้าและโบคา จูเนียร์ส รออยู่ แต่เกมนัดเปิดสนามของบาเยิร์นที่ต้องเจอกับ Auckland City กลับได้รับความสนใจมากกว่าที่คาดไว้ เพราะมันคือภาพชัดเจนของ “David vs Goliath” หรือ “ดาวิด ปะทะ โกไลแอธ” ในตำนาน แม้ Auckland City จะครองแชมป์ลีกโอเชียเนียหลายสมัย และมีประสบการณ์ในรายการนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาคือทีมกึ่งอาชีพ ที่นักเตะต้องทำงานประจำในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นครู ช่างตัดผม หรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะรวมตัวกันซ้อมในช่วงเย็น สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง และต้อง “ลางาน” เพื่อนั่งเครื่องบินข้ามทวีปมาแข่งขันที่อเมริกา
ในอีกฝั่งหนึ่ง บาเยิร์น มิวนิค เดินทางสู่ TQL Stadium เมืองซินซินแนติ ท่ามกลางความมั่นใจ โดยโค้ชกอมปานีประกาศชัดว่า “จะไม่ประมาทแม้แต่น้อย” และจัดทัพ 11 ตัวจริงชุดใหญ่ ลงสนามแบบเต็มสูบ ซึ่งเป็นการให้เกียรติคู่แข่ง พร้อมสร้างมาตรฐานแห่งแชมป์โลก สนามแห่งนี้มีผู้ชม 21,152 คน เข้าชมเกม แม้หลายคนจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ไม่มีใครคาดได้เลยว่า ผลลัพธ์จะกลายเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์แห่งความพินาศ ที่ทำให้ชื่อของเกมนี้ต้องถูกพูดถึงไปอีกนาน
โหมโรงจนนาทีสุดท้าย 10 ประตูแห่งการถล่มประวัติศาสตร์
ศึกนัดเปิดสนามกลุ่ม C ที่ TQL Stadium กลายเป็นฝันร้ายของ Auckland City อย่างแท้จริง เมื่อ บาเยิร์น มิวนิค เปิดเกมรุกใส่ตั้งแต่นาทีแรก และใช้เวลาเพียง 6 นาที ในการปลดล็อกประตูแรกจากจังหวะที่ Kingsley Coman เปิดลูกเตะมุม แล้วพุ่งเข้าชาร์จด้วยตัวเองให้เสือใต้ขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น ไม่นานประตูเริ่มไหลมาเทมาอย่างไม่ปรานี
- นาที 18: Sacha Boey เติมเกมจากริมเส้นฝั่งขวา ซัดเต็มข้อให้เป็น 2-0
- นาที 20: Michael Olise ทะลุเข้าเขตโทษจากการจ่ายของ Kimmich ก่อนยิงเชิงเฉียบขาด 3-0
- นาที 21: Coman ยิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ให้เป็น 4-0
- ช่วงทดเจ็บ: Thomas Müller สังหารด้วยซ้ายไม่พลาด ก่อนที่ Olise จะยิงอีกลูกในจังหวะสวนกลับจบครึ่งแรกที่ 6-0
ครึ่งหลัง บาเยิร์นเปลี่ยนผู้เล่นบางส่วน โดย Harry Kane ถูกถอดพัก และส่ง Jamal Musiala กับ Dayot Upamecano ลงมา โดยเฉพาะ Musiala ที่ระเบิดฟอร์มยิงแฮตทริกแบบคลาสสิกในนาทีที่ 67, จุดโทษนาที 73 และลูกปิดท้ายในนาที 84 ก่อนหมดเวลา Thomas Müller ปิดเกมด้วยประตูที่ 10 ในนาทีที่ 89 ซึ่งเป็นลูกที่ 250 ของเขากับสโมสร สรุปแล้วคือการยิงประตูแบบไม่เว้นจังหวะ หักล้างทุกคำว่า “เกรงใจ” อย่างราบคาบ
สถิติใหม่ของการแข่งขัน เมื่อบาเยิร์นเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ชัยชนะถล่มทลายของบาเยิร์น มิวนิค 10-0 เหนือโอ๊คแลนด์ ซิตี้ ไม่ใช่แค่ “ขาดลอย” เท่านั้น แต่ยังกลายเป็น สถิติใหม่ของฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (FIFA Club World Cup) อย่างเป็นทางการ โดยทำลายสถิติเดิมของ อัล ฮิลาล ที่เคยเอาชนะ อัล จาซิรา 6-1 ในปี 2021 ซึ่งผลต่างประตูนั้นหยุดอยู่ที่ +5 ขณะที่ของบาเยิร์นทะลุถึง +10 แบบไร้การตอบโต้
นอกจากนี้ จามาล มูเซียลา ยังจารึกชื่อของเขาไว้ในทำเนียบผู้เล่นระดับตำนานของรายการนี้ด้วยการทำ แฮตทริก ได้ในการลงเล่นเพียง 30 นาที กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่ทำแฮตทริกใน Club World Cup ต่อจากตำนานอย่าง Cristiano Ronaldo, Luis Suárez, Gareth Bale และ Hamdou Elhouni
ชัยชนะนี้ไม่เพียงตอกย้ำความแข็งแกร่งของบาเยิร์นเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำช่องว่างที่แท้จริงระหว่าง “ยักษ์ยุโรป” กับ “ทีมกึ่งอาชีพ” บนเวทีระดับโลกอย่างชัดเจน

บทวิเคราะห์เชิงแท็คติก เพรสซิ่งที่บีบทุกอณูของเกม
แม้จะเจอกับทีมกึ่งอาชีพ แต่ บาเยิร์น มิวนิค ก็ไม่ประมาทแม้แต่น้อย พวกเขาเปิดเกมด้วยระบบ High Pressing อย่างเข้มข้น ไล่บีบตั้งแต่แดนหน้า บังคับให้ผู้เล่นของโอ๊คแลนด์ ซิตี้ ต้องจ่ายบอลผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวรับที่ถูกบีบให้เล่นพลาดหลายครั้งจนกลายเป็นประตูแบบต่อเนื่องในนาที 18–21
ฟิตเนส ของบาเยิร์นเหนือกว่าชัดเจน พวกเขาเปลี่ยนจังหวะเกมได้อย่างลื่นไหล ขณะที่ฝั่งโอ๊คแลนด์เริ่มหมดแรงตั้งแต่นาทีที่ 20 ผู้รักษาประตู Tracey แม้จะเซฟได้ 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทานพลังบุกของเสือใต้ได้ตลอดเกม
ด้านการวางแผนของ แวงซองต์ กอมปานี เขาให้โอกาส Lennart Karl วัย 17 ปีลงเดบิวต์ครึ่งหลัง พร้อมส่ง Adam Aznou ลงเสริมเกมรับ แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่ ทำไมถึงไม่ใช้โอกาสนี้ในการโรเตชันนักเตะดาวรุ่งมากกว่านี้? หรือว่าความมั่นใจยังไม่เพียงพอในการเปิดทางให้รุ่นใหม่?
ความมั่นใจของเสือใต้ และประสบการณ์ล้ำค่าของโอเชียเนีย
ชัยชนะอย่างถล่มทลาย 10-0 เหนือ Auckland City คือแรงส่งชั้นยอดให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในภารกิจล่าแชมป์โลก พวกเขาจะต้องพบกับ Boca Juniors ในวันที่ 20 มิ.ย. และต่อด้วยการวัดความแกร่งกับ Benfica ในวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเกมนี้ได้พิสูจน์ความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจของทีม ภายใต้แผนการเล่นที่รัดกุมและการหมุนเวียนผู้เล่นอย่างชาญฉลาด
ในอีกฟากหนึ่ง แม้ Auckland City จะต้องเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ Club World Cup แต่สำหรับทีมกึ่งอาชีพจากโอเชียเนีย การได้มาเล่นต่อหน้าแฟนบอลระดับโลก ได้สัมผัสความเข้มข้นของฟุตบอลระดับสูง ถือเป็นประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ พวกเขาอาจไม่ได้แต้มจากเกมนี้ แต่ได้ ศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ และความทรงจำอันภาคภูมิ กลับไปอย่างเต็มหัวใจ
กรณี PSG vs Atlético Madrid บทสรุปคู่ขนานในค่ำคืนแห่งความต่าง
ในอีกสนามหนึ่งของศึก Club World Cup 2025 ณ เมืองออร์แลนโด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงไม่แพ้บาเยิร์น ด้วยการไล่ถล่ม แอตเลติโก มาดริด ไปถึง 4-0 ประตู โดยผู้ทำสกอร์ในเกมนี้คือ Fabián Ruiz, Vitinha, Lee Kang-In และ Senny Mayulu ดาวรุ่งวัย 19 ปี 28 วัน ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับ 4 ที่ยิงได้ในรายการนี้
เกมนี้แอตเลติโกต้องพบกับความยากลำบากตั้งแต่ช่วงต้น เมื่อกองกลางตัวรับโดนใบแดงโดยตรงในครึ่งแรก ทำให้พวกเขาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนเกือบตลอดทั้งเกม ขณะที่ PSG อาศัยการครองบอลที่เหนือกว่าและการเล่นที่แม่นยำในพื้นที่สุดท้าย แม้จะเป็นการแข่งขันนัดแรกของกลุ่ม B แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาชี้ชัดว่า PSG พร้อมแล้วสำหรับภารกิจล่าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
วิจารณ์แผนโค้ช Vincent Kompany กับการเดินหมากถัดไป
การจัดทัพของ แวงซองต์ กอมปานี ในนัดเปิดสนามถือว่าชัดเจนและเด็ดขาด เขาเลือกส่ง ผู้เล่นชุดใหญ่เต็มสูบ ลงเล่น แม้จะเจอคู่แข่งระดับกึ่งอาชีพอย่าง Auckland City ซึ่งส่งผลดีในหลายแง่มุม ทั้งการสร้างความมั่นใจตั้งแต่เกมแรก, การเน้นวินัยและจังหวะทีมที่ไหลลื่น รวมถึงการไม่ประมาทคู่แข่ง และแสดงความเคารพต่อการแข่งขันระดับโลก
อีกด้านหนึ่ง Kompany ยังมอบโอกาสให้กับ Lennart Karl และ Adam Aznou สองดาวรุ่งได้สัมผัสเกมระดับสูง แต่สิ่งที่ถูกตั้งคำถามคือ เหตุใดถึงไม่ส่งดาวรุ่งคนอื่นลงเพิ่มเติม ทั้งที่สกอร์ขาดลอยตั้งแต่ครึ่งแรก?
หากต้องการปั้น “มูเซียลาคนต่อไป” อย่างที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ การเปิดโอกาสในเกมลักษณะนี้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ มิฉะนั้น อาจกระทบต่อแรงจูงใจของนักเตะเยาวชนระยะยาว และสวนทางกับภาพลักษณ์ของทีมพัฒนาคนจากอะคาเดมี

เกมที่มากกว่าสถิติ คือบทพิสูจน์ของระดับและจิตวิญญาณ
ชัยชนะ 10-0 ของ บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะธรรมดา แต่มันคือ บทพิสูจน์แห่งระดับ ความเฉียบขาด และความพร้อมในการเป็นเบอร์หนึ่งของโลก พวกเขาไม่เพียงแค่ถล่ม Auckland City แบบไร้ความปรานี แต่ยังทุบสถิติเก่าใน Club World Cup แบบไม่เหลือร่องรอย พร้อมส่งสัญญาณไปยังทุกทีมในทัวร์นาเมนต์ว่า “เสือใต้กลับมาอย่างหิวกระหายแชมป์”
แง่แท็คติก ความดุดันของเกมเพรสซิ่ง ความฟิต และประสิทธิภาพการจบสกอร์แสดงให้เห็นถึง มาตรฐานระดับทวีปยุโรป ที่ห่างไกลจากทีมกึ่งอาชีพแบบ Auckland City อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน นักเตะดาวรุ่งอย่าง Musiala และ Lennart Karl ก็ได้รับการจับตามองมากขึ้นหลังผลงานโดดเด่น
ฝั่ง Auckland City แม้จะโดนสกอร์ขาด แต่ไม่มีใครตำหนิหัวใจของพวกเขาได้ ผู้เล่นที่ทำงานเป็นพนักงานประจำในชีวิตจริง กลับได้ยืนเผชิญหน้ากับสโมสรยักษ์ใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งในโลกบนเวทีระดับ FIFA — นั่นคือ “ชัยชนะในใจ” ที่ไม่อาจวัดด้วยตัวเลข
ในอีกคู่ PSG ก็สร้างผลงานน่าทึ่งด้วยการเอาชนะแอตเลติโก มาดริด 4-0 ทำให้ทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นเกินคาด
บทต่อไปของกลุ่ม C และ B จะเข้มข้นยิ่งขึ้น และเกมถัดไปของบาเยิร์นกับโบคา จูเนียร์ส จะเป็นอีกบททดสอบสำคัญว่า แชมป์ยุโรปจะก้าวต่อไปอย่างไรในเส้นทางล่าแชมป์โลก