
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบไร้พ่ายในฤดูกาลที่ผ่านมา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ในฤดูกาลนี้ แม้จะยังเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ แต่ฟอร์มการเล่นและสถิติการเสียประตูที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความหวังในการคว้าแชมป์ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
การเปรียบเทียบผลงานฤดูกาลก่อนและฤดูกาลปัจจุบัน
ฤดูกาลที่แล้ว เลเวอร์คูเซ่นสร้างปรากฏการณ์ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา แบบไร้พ่าย และเสียประตูน้อยมากเพียง 24 ประตูจาก 34 นัด แสดงให้เห็นถึงระบบเกมรับที่แข็งแกร่งและมีวินัยสูงภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาบี อลอนโซ่ อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ ทีมกลับเผชิญปัญหาในการป้องกันประตู หลังจากลงสนามไปเพียง 18 นัด แต่เสียไปแล้ว 24 ประตู ซึ่งเทียบเท่ากับทั้งฤดูกาลก่อน นอกจากนี้ยังแพ้ไป 1 นัด และตามหลังบาเยิร์น มิวนิค อยู่ที่อันดับ 2 ด้วยคะแนนที่ห่างกัน 4 คะแนน
สาเหตุที่ทำให้เลเวอร์คูเซ่นเสียประตูมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทีมในฤดูกาลนี้อาจมีผลกระทบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายนักเตะ ระบบการเล่น และความฟิตของตัวผู้เล่น โดยสามารถวิเคราะห์ได้ในประเด็นสำคัญดังนี้
การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ การซื้อขายนักเตะและการบาดเจ็บของแกนหลัก ฤดูกาลนี้เลเวอร์คูเซ่นต้องเผชิญกับการขาดผู้เล่นสำคัญในแนวรับ เช่น
- การย้ายออกของกองหลังตัวหลักที่เคยเป็นกำแพงเหล็ก เช่น โจนาธาน ทาห์ ที่มีข่าวการย้ายทีมอาจทำให้ความมั่นคงในแนวรับลดลง
- อาการบาดเจ็บของผู้เล่นสำคัญ เช่น เอเซเกล ปาลาซิออส กองกลางตัวรับที่ช่วยซัพพอร์ตเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม
- นักเตะใหม่บางรายยังต้องปรับตัวกับแท็คติกของทีม ทำให้ประสิทธิภาพการเล่นลดลงในช่วงแรก
ระบบการเล่นที่เปลี่ยนไป แม้ว่า ชาบี อลอนโซ่ จะยังคงใช้ระบบการเล่นที่เน้นการครองบอลและบุกแบบไหลลื่น แต่ฤดูกาลนี้คู่แข่งได้เรียนรู้และปรับตัวเพื่อรับมือกับแนวทางของทีมมากขึ้น ทำให้เลเวอร์คูเซ่นอาจต้อง
- ปรับระบบการยืนตำแหน่งของแนวรับเพื่อลดความเสี่ยงจากการโต้กลับเร็วของคู่แข่ง
- เพิ่มความแน่นอนในแดนกลางเพื่อช่วยลดภาระให้แนวรับ
- ปรับเปลี่ยนแท็คติกให้ยืดหยุ่นมากขึ้นในเกมรับและเกมรุก
ความเหนื่อยล้าของนักเตะ การแข่งขันที่ต่อเนื่องในทุกรายการทั้งบุนเดสลีกาและฟุตบอลยุโรป ส่งผลให้ความฟิตของนักเตะลดลง โดยเฉพาะผู้เล่นตัวหลักที่ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง เช่น ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ กรานิต ชาก้า อาจมีอาการล้าและส่งผลต่อความเข้มข้นในการเล่นเกมรับ
ความกดดันในการป้องกันแชมป์ ความคาดหวังจากแฟนบอลและการเป็นแชมป์เก่าทำให้ทุกทีมมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเลเวอร์คูเซ่น ความกดดันนี้อาจส่งผลต่อความมั่นใจของผู้เล่นและส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในเกมรับมากขึ้น

จะทำอย่างไรให้เลเวอร์คูเซ่นกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง
หากเลเวอร์คูเซ่นต้องการป้องกันแชมป์ พวกเขาจำเป็นต้องปรับปรุงในหลายด้าน ได้แก่
- เสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ การเซ็นสัญญานักเตะใหม่ที่สามารถเข้ามาเสริมแนวรับได้ เช่น กองหลังตัวกลางที่มีประสบการณ์หรือมิดฟิลด์ตัวรับที่สามารถตัดเกมได้ดี จะช่วยให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในการป้องกันลูกสวนกลับ
- ปรับปรุงแท็คติกเกมรับ เพิ่มการยืนตำแหน่งของแนวรับให้แน่นหนาขึ้น และให้แบ็คซ้าย-ขวาช่วยซัพพอร์ตการป้องกันมากขึ้น, ปรับการบีบพื้นที่ให้ดีกว่าเดิม เพื่อลดโอกาสที่คู่แข่งจะเจาะแนวรับได้ง่าย
- บริหารความฟิตของนักเตะ โค้ชควรโรเตชั่นนักเตะให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นตัวหลักได้พักฟื้นและลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ซึ่งจะทำให้ทีมมีความสดและพร้อมลุยในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
- เพิ่มความเฉียบคมในเกมรุก แม้จะมีปัญหาเกมรับ แต่หากทีมสามารถเพิ่มจำนวนประตูที่ทำได้ต่อเกม จะช่วยลดความกดดันในแนวรับ โดยเฉพาะการใช้โอกาสให้คุ้มค่ามากขึ้นในเกมที่เจอคู่แข่งระดับสูง
- การเตรียมพร้อมด้านจิตวิทยา ทีมต้องมีความมั่นใจและความพร้อมด้านจิตใจในการรับมือกับความกดดัน โดยเฉพาะในเกมสำคัญกับทีมระดับท็อป เช่น บาเยิร์น มิวนิค และ ดอร์ทมุนด์
เส้นทางลุ้นแชมป์ของเลเวอร์คูเซ่น: อุปสรรคและโอกาสที่ต้องไขว่คว้า
แม้ว่าไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นจะต้องเผชิญกับปัญหาด้านเกมรับและความกดดันในการป้องกันแชมป์ แต่ด้วยความสามารถของผู้เล่นตัวหลักอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุก รวมถึงการบริหารทีมของกุนซือ ชาบี อลอนโซ่ ที่มีประสบการณ์จากการคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายในฤดูกาลที่ผ่านมา ยังคงทำให้ทีมมีโอกาสที่จะแก้ไขจุดอ่อนและกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่เลเวอร์คูเซ่นต้องให้ความสำคัญในช่วงที่เหลือของฤดูกาล คือการ บริหารขุมกำลังให้มีความสมดุล ระหว่างการเล่นในลีกและฟุตบอลยุโรป รวมถึงการเสริมทัพในตลาดนักเตะหน้าหนาว เพื่อเติมเต็มจุดที่ขาดและเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับ นอกจากนี้ทีมต้องมีความ ยืดหยุ่นทางแท็คติก เพื่อให้สามารถรับมือกับการโจมตีของคู่แข่งที่เริ่มเข้าใจแนวทางการเล่นของพวกเขามากขึ้น
สุดท้ายแล้ว ความมุ่งมั่นและความสามัคคีของทีมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินอนาคตของเลเวอร์คูเซ่นในฤดูกาลนี้ พวกเขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปิดช่องว่างของแต้มและกดดันบาเยิร์น มิวนิคจนถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล