092-902-6146 , 092-902-6156 ezgoalnew@gmail.com

เอซี มิลาน กำลังเผชิญกับฤดูกาลที่ท้าทายอย่างยิ่ง หลังจากจบอันดับที่ 2 ในเซเรีย อา ฤดูกาล 2023-2024 แต่ในฤดูกาล 2024-2025 พวกเขากลับพบว่าตัวเองอยู่ในอันดับที่ 9 ของตารางคะแนน ณ วันที่ 6 เมษายน 2568 โดยมี 48 คะแนน จากการลงเล่น 31 นัด ชนะ 13 เสมอ 9 และแพ้ 9 นัด

วิกฤติ เอซี มิลาน

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตำแหน่งผู้จัดการทีมและการเสริมทัพในช่วงตลาดนักเตะที่ผ่านมา ทำให้แฟนบอลมีความคาดหวังสูงต่อทีม อย่างไรก็ตาม ผลงานของทีมกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสาเหตุของการตกต่ำนี้ จากทีมที่จบอันดับ 2 ในเซเรีย อา ฤดูกาล 2023-2024 พร้อมผลงานอันน่าประทับใจทั้งในเกมรุกและเกมรับ เอซี มิลาน กลับต้องเจอกับความผันผวนในฤดูกาลถัดมา ด้วยสถิติ ชนะเพียง 13 นัด เสมอ 9 และแพ้ถึง 9 นัด จาก 31 เกม ทำให้พวกเขารั้งอันดับ 9 ของตาราง ณ วันที่ 6 เมษายน 2568 ห่างไกลจากโซนยุโรป และความคาดหวังของแฟนบอลที่หวังจะเห็นทีมกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์อิตาลีอีกครั้ง

บรรยากาศภายในทีมสะท้อนความไม่มั่นคงอย่างชัดเจน การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวเรือใหญ่เมื่อช่วงกลางฤดูกาล รวมถึงการเสริมทัพที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ส่งผลให้รูปแบบการเล่นของทีมขาดความไหลลื่นและความมั่นใจ แม้มีผู้เล่นชื่อดังและดาวรุ่งฝีเท้าดีหลายราย แต่ทีมกลับไม่สามารถประสานงานกันได้อย่างลงตัว คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “เกิดอะไรขึ้นกับมิลาน?” แต่รวมถึง “จะทำอย่างไรให้กลับมาเป็นทีมระดับแถวหน้าได้อีกครั้ง?” ซึ่งทั้งหมดนี้คือประเด็นที่บทความนี้จะนำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป นอกเหนือจากปัญหาเรื่องผลการแข่งขัน สิ่งที่ยิ่งตอกย้ำวิกฤติของมิลานในฤดูกาลนี้คือ “ความไม่แน่นอนของทิศทางทีม” การบริหารจัดการระหว่างเบื้องบนกับทีมโค้ชยังมีคำถามตามมา รวมถึงความคาดหวังจากแฟนบอลที่เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลก่อน แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเหมาะสม ทั้งในด้านผลลัพธ์และสไตล์การเล่นที่แฟน ๆ คุ้นเคยและผูกพัน

แฟนบอลหลายคนเริ่มตั้งคำถามกับการวางแผนของสโมสร ทั้งในด้านการเสริมทัพที่ขาดความเฉียบขาด และการจัดการความฟิตของผู้เล่นที่บาดเจ็บบ่อย ส่งผลให้ฟอร์มโดยรวมของทีมดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง แม้ในบางเกมจะมีแววของศักยภาพเดิมโผล่ให้เห็น แต่ทีมก็ยังขาดความสม่ำเสมอในการรักษาระดับฟอร์มให้คงเส้นคงวา สำหรับเอซี มิลาน สโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และแฟนบอลทั่วโลก ฤดูกาลนี้อาจไม่ใช่แค่บทเรียนธรรมดา แต่นี่คือบททดสอบสำคัญของทั้งนักเตะ ผู้จัดการทีม และโครงสร้างสโมสร ที่ต้องรวมพลังเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีให้กลับมาอีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม

หลังจากการปลด เปาโล ฟอนเซก้า ในเดือนธันวาคม 2567 เนื่องจากผลงานที่ไม่สม่ำเสมอและการอยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางคะแนน สโมสรได้แต่งตั้ง แซร์โจ้ คอนไซเซา อดีตผู้จัดการทีมปอร์โต้ เข้ามาคุมทีมด้วยสัญญาจนถึงปี 2569 ​การตัดสินใจปลด เปาโล ฟอนเซก้า แม้จะเกิดขึ้นหลังจากเขาคุมทีมได้เพียงครึ่งฤดูกาล แต่ถือเป็นการตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์จากทั้งสื่อและแฟนบอลที่เริ่มหมดความเชื่อมั่นในระบบการทำทีมของเขา มิลานภายใต้การนำของฟอนเซก้ามีปัญหาเรื่องการขาดแรงกระตุ้นในเกมใหญ่ และไม่สามารถคว้าแต้มจากทีมระดับเดียวกันหรือรองบ่อนอย่างสม่ำเสมอได้ จุดเด่นด้านแท็กติกของเขาไม่สามารถแสดงศักยภาพนักเตะออกมาได้เต็มที่

เมื่อแซร์โจ้ คอนไซเซา เข้ามารับตำแหน่ง เขาได้รับการต้อนรับในฐานะ “ผู้จัดการทีมสายวินัยและแท็คติกเข้มข้น” ซึ่งเคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมกับปอร์โต้ทั้งในลีกโปรตุเกสและแชมเปียนส์ลีก ความคาดหวังคือเขาจะนำพาแนวทางที่มั่นคงและปรับสไตล์การเล่นของทีมให้มีจังหวะที่แน่นอนและผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เวลาที่เหลือในฤดูกาลนี้มีจำกัด และเขาจำเป็นต้องปรับจูนทีมให้เร็วที่สุด เพื่อให้ยังมีลุ้นคว้าตั๋วยุโรปในช่วงโค้งสุดท้าย

ระบบการเล่นและแท็กติก

คอนไซเซา นำระบบการเล่นที่เน้นความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับมาใช้ โดยพยายามปรับปรุงการครองบอลและการสร้างสรรค์เกม อย่างไรก็ตาม ทีมยังคงประสบปัญหาในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู และความผิดพลาดในแนวรับที่นำไปสู่การเสียประตูสำคัญ ระบบของแซร์โจ้ คอนไซเซามีจุดตั้งต้นจากการเล่นเกมรับให้รัดกุม โดยเขาเน้นการยืนตำแหน่งเป็นระบบในแดนกลาง และการวางไลน์กองหลังให้มีระเบียบ พร้อมเน้นการโต้กลับอย่างรวดเร็วผ่านผู้เล่นริมเส้นที่มีความเร็ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือทีมยังขาดตัวจบสกอร์ที่คมพอจะเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้อย่างสม่ำเสมอ

อีกหนึ่งจุดอ่อนที่ยังแก้ไม่ตกคือการเสียบอลในแดนกลางที่นำไปสู่การโดนสวนกลับ ซึ่งกลายเป็นจุดที่ถูกคู่แข่งโจมตีบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับทีมที่เล่นเร็วและเน้นเพรสซิ่งสูง มิลานจึงมักเสียประตูจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม แม้จะพยายามปรับใช้ระบบ 4-2-3-1 หรือบางครั้งเป็น 4-3-3 เพื่อเร่งเกมรุก แต่ความไม่ลงตัวของแผนและความเข้าใจแท็คติกของนักเตะยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งทำให้รูปแบบการเล่นของทีมยังไม่นิ่ง และผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

3 นักเตะสำคัญและผลงาน

  1. คริสเตียน พูลิซิช: แม้ผลงานของเอซี มิลานจะตกลงอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้ แต่ผู้เล่นบางคนก็ยังคงเป็นแสงสว่างในวันที่ทีมเผชิญความยากลำบาก โดยเฉพาะ คริสเตียน พูลิซิช ที่กลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญในเกมรุก ด้วยความเร็ว เทคนิค และความสามารถในการพาบอลทะลุแนวรับ เขามีส่วนร่วมทั้งในฐานะผู้ยิงและผู้แอสซิสต์ ทำให้ยังคงเป็นผู้เล่นที่แฟนบอลเชื่อมั่น
  2. ลูคา โยวิช: กองหน้าชาวเซอร์เบียที่ทำประตูสำคัญในบางนัด แต่ยังขาดความสม่ำเสมอในการทำประตู แม้จะมีผลงานขึ้นๆ ลงๆ แต่เมื่ออยู่ในฟอร์ม เขาสามารถเป็นอาวุธที่อันตรายในกรอบเขตโทษ อย่างไรก็ตาม ความไม่สม่ำเสมอและการขาดโอกาสในบางช่วง ทำให้เขายังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เต็มที่ในฐานะตัวเป้า
  3. โจเอา เฟลิกซ์: การยืมตัวจากเชลซีมาพร้อมความคาดหวังสูง แต่เขายังขาดความมั่นใจและการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม แม้มีจังหวะโชว์เทคนิคส่วนตัวให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะยกระดับเกมของทีมในเวลาสำคัญ หากเขาปรับตัวได้ในช่วง 7 นัดสุดท้าย อาจกลายเป็นตัวแปรลับที่ช่วยมิลานกลับมามีลุ้นจบท็อป 6 ได้

โปรแกรมการแข่งขันที่เหลือ

เอซี มิลานมี 7 นัดสุดท้ายในฤดูกาล 2024-25 ที่ต้องลงเล่นภายใต้แรงกดดันจากทั้งผลการแข่งขันและความคาดหวังของแฟนบอล ซึ่งแต่ละนัดล้วนมีความหมาย โดยเฉพาะการเจอกับทีมระดับหัวตารางอย่าง อตาลันต้า และ โบโลญญ่า ที่กำลังลุ้นพื้นที่แชมเปียนส์ลีก ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญว่า มิลานยังสามารถต่อกรกับทีมท็อปได้หรือไม่ และยังมี โรมา ทีมที่ลุ้นรอบเพลย์ออฟ ยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก

ขณะเดียวกัน พวกเขายังต้องเผชิญกับทีมกลางตาราง อูดิเนเซ กับ เจนัว และท้ายตารางอย่าง เวเนเซีย และ มอนซา ที่ต่างกำลังดิ้นรนหนีตกชั้น ซึ่งอาจสร้างปัญหาได้ไม่น้อย เพราะทีมเหล่านี้มักเล่นด้วยความมุ่งมั่นและไร้ความกดดัน หากมิลานต้องการกลับเข้าสู่ท็อป 6 เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นยูโรป้าลีกหรือยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก พวกเขาอาจต้องคว้าอย่างน้อย 5 ชัยชนะจาก 7 นัด และหวังให้ทีมคู่แข่งสะดุด คะแนนทุกแต้มจากนี้จะมีค่าดั่งทองคำ และเกมใดที่พลาด อาจหมายถึงการหลุดจากเวทียุโรปในฤดูกาลหน้าอย่างถาวร

ความท้าทายและโอกาสสู่ท็อบ 6

การขาดความสม่ำเสมอในการเล่นและปัญหาในการทำประตูเป็นความท้าทายหลักของทีม อย่างไรก็ตาม หากผู้จัดการทีมสามารถปรับปรุงแท็กติกและนักเตะสามารถเรียกฟอร์มที่ดีที่สุดกลับมาได้ เอซี มิลาน ยังมีโอกาสในการเก็บคะแนนและขยับขึ้นสู่อันดับที่สูงขึ้นในตารางคะแนน เอซี มิลาน กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในฤดูกาล 2024-2025 การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและการปรับระบบการเล่นยังไม่สามารถนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยโปรแกรมการแข่งขันที่เหลืออยู่ ทีมยังมีโอกาสในการปรับปรุงผลงานและพยายามกลับเข้าสู่ท็อป 6 ของเซเรีย อา

แม้ เอซี มิลานจะอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า “วิกฤติ” แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ไร้ทางออกเสียทีเดียว ความท้าทายหลักคือการขาดความสม่ำเสมอ ทั้งในเชิงฟอร์มการเล่นและสภาพจิตใจของนักเตะ การเปลี่ยนแท็กติกกะทันหันกลางฤดูกาล รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก ส่งผลให้มิลานเสียจังหวะในช่วงเวลาสำคัญ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของทีมคือ “ศักยภาพที่ซ่อนอยู่” ในผู้เล่นและโครงสร้างสโมสรที่ยังคงแข็งแกร่ง หากแซร์โจ้ คอนไซเซา สามารถกระตุ้นทีมให้ฮึดขึ้นใน 7 นัดสุดท้ายได้ มิลานยังมีโอกาสกลับมาชิงพื้นที่ยุโรปได้จริง โดยเฉพาะหากสามารถเอาชนะทีมคู่แข่งโดยตรงในโซนหัวตารางได้ จะเป็นการเพิ่มทั้งคะแนนและความมั่นใจให้ทีมทันที

สุดท้ายแล้ว ฤดูกาลนี้อาจไม่ใช่บทแห่งความสำเร็จ แต่เป็นบททดสอบของหัวจิตหัวใจ “รอสโซเนรี” ว่าจะผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้อย่างไร เพื่อกลับมาเดินหน้าสู่การเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ